Add parallel Print Page Options

ลูกาเขียนหนังสืออีกเล่ม

ท่านเธโอฟีลัสที่รัก ในหนังสือเล่มแรกที่ผมเขียนให้นั้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเยซูทำและสั่งสอนตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันที่พระองค์ถูกรับขึ้นสวรรค์ แต่ก่อนที่พระองค์จะถูกรับขึ้นสวรรค์นั้น พระองค์สั่งพวกศิษย์เอกที่พระองค์ได้เลือกไว้ พระองค์ได้สั่งพวกเขาผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง หลังจากที่พระเยซูตายแล้ว ในช่วงเวลาสี่สิบวันพระองค์มาปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นหลายครั้งหลายหน พระองค์ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อพิสูจน์ให้พวกนี้เห็นว่า พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้วจริงๆและพูดกับพวกเขาถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า เมื่อพระองค์กำลังกินอาหารกับพวกศิษย์เอก พระองค์สั่งพวกเขาว่า “ห้ามไปไหน ให้คอยอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็มก่อน จนกว่าจะได้รับสิ่งที่พระบิดาสัญญาไว้ ตามที่เราเคยบอกพวกคุณแล้ว ยอห์นทำพิธีจุ่มให้คนด้วยน้ำ แต่อีกไม่กี่วันพวกคุณก็จะได้รับการจุ่มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”

พระเยซูกลับสู่สวรรค์

เมื่อพระเยซูกับพวกศิษย์เอกมาอยู่กันพร้อมหน้า พวกศิษย์เอกถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ตอนนี้พระองค์กำลังจะคืนแผ่นดินให้กับอิสราเอลแล้วใช่ไหมครับ” พระองค์ตอบว่า “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ พระบิดาเองได้ตัดสินวันเวลานั้นไว้ก่อนแล้ว เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่กับพวกคุณ พวกคุณก็จะได้รับฤทธิ์เดช และจะเป็นพยานเล่าเรื่องของเราให้คนฟัง ทั่วเมืองเยรูซาเล็ม ในแคว้นยูเดีย ในแคว้นสะมาเรีย และทุกหนแห่งในโลกนี้”

เมื่อพระเยซูพูดเสร็จ พระเจ้าก็ได้รับพระองค์ขึ้นไปสวรรค์ต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล้วก้อนเมฆก็บังพระองค์จากสายตาของพวกเขา 10 ในขณะที่พวกเขากำลังเพ่งดูพระองค์จากไปในท้องฟ้านั้น จู่ๆก็มีชายชุดขาวสองคนมายืนอยู่ข้างๆพวกเขา 11 แล้วพูดว่า “ชาวกาลิลี พวกคุณยังยืนเพ่งดูท้องฟ้าอยู่ทำไม พระเจ้ารับพระเยซูขึ้นไปบนสวรรค์แล้ว และพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งเหมือนอย่างที่คุณเห็นพระองค์ถูกรับขึ้นไปนี่แหละ”

เลือกศิษย์คนใหม่แทนยูดาส

12 จากนั้นพวกเขาก็ลงจากภูเขามะกอกเทศ กลับไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร[a] 13 เมื่อมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม พวกศิษย์ซึ่งมีเปโตร ยอห์น ยากอบกับอันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรชายของอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีใจจดจ่อกับพระเจ้า กับยูดาสลูกชายยากอบ ก็ได้ขึ้นไปห้องชั้นบนที่พวกเขาเคยอยู่ 14 พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคน รวมทั้งผู้หญิงบางคนและมารีย์แม่ของพระเยซู ตลอดจนน้องๆของพระองค์ ก็มาพบกันเพื่ออธิษฐานอยู่เสมอ

15 มีอยู่วันหนึ่ง เปโตรยืนขึ้นในกลุ่มศิษย์ที่มาพบกัน ซึ่งมีอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน แล้วเขาพูดว่า 16 “พี่น้องทั้งหลาย ข้อความในพระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้พูดผ่านทางปากของกษัตริย์ดาวิด เมื่อนานมาแล้วเกี่ยวกับยูดาสที่นำคนพวกนั้นไปจับพระเยซู 17 ยูดาสเป็นคนหนึ่งในกลุ่มของพวกเราและมีส่วนร่วมในการงานนี้ด้วย” 18 (ยูดาส เอาเงินที่ได้จากการทำชั่วครั้งนี้ไปซื้อที่ดินไว้ แต่เขาหกล้มหัวฟาดพื้น พุงแตกไส้ทะลักตายบนที่ดินนั้น 19 เรื่องนี้รู้กันทั่วเมืองเยรูซาเล็ม พวกเขาจึงเรียกที่ดินตรงนั้นตามภาษาท้องถิ่นว่า อาเคลดามา ซึ่งหมายถึง “ที่ดินเลือด”) 20 เปโตรพูดต่อว่า “เรื่องนี้มีเขียนไว้แล้วในหนังสือสดุดีว่า

‘ขอให้ที่อยู่ของเขารกร้างว่างเปล่า
    อย่ามีใครเข้าไปอยู่เลย’[b]

‘ให้มีคนอื่นมารับตำแหน่งผู้นำแทนเขาด้วย’[c]

21 ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องเลือกชายคนหนึ่งขึ้นมาแทนยูดาส และเขาจะต้องเป็นคนที่อยู่กับเราตลอดเวลาในช่วงที่พวกเราติดสอยห้อยตามพระเยซูด้วย 22 เริ่มตั้งแต่ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำ จนถึงวันที่พระเจ้ารับพระเยซูขึ้นไปสวรรค์ คนคนนี้จะต้องเป็นพยานร่วมกับพวกเราที่จะบอกให้คนอื่นๆรู้ว่า พระเยซูฟื้นจากความตายแล้ว” 23 พวกเขาจึงได้เสนอชื่อชายสองคนคือ โยเซฟ บารซับบาส (หรือที่รู้จักกันว่ายุสทัส) และอีกคนคือมัทธีอัส 24 แล้วพวกเขาก็อธิษฐานว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์รู้จักจิตใจของมนุษย์ทุกคนดี ช่วยแสดงให้พวกเราเห็นว่า ในสองคนนี้พระองค์ได้เลือกใคร 25 ให้มาทำหน้าที่รับใช้เป็นศิษย์เอกแทนยูดาสคนที่ละทิ้งหน้าที่ และได้ไปอยู่ในที่ที่เขาสมควรไปอยู่แล้ว” 26 แล้วพวกเขาก็จับสลากกัน และได้ชื่อมัทธีอัส เขาจึงถูกนับรวมเข้ากับศิษย์เอกทั้งสิบเอ็ดคนนั้นด้วย

Footnotes

  1. 1:12 หนึ่งกิโลเมตร เป็นระยะทางที่ชาวยิวได้รับอนุญาตให้สามารถเดินได้ในวันหยุดทางศาสนา ซึ่งถือเป็นวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา
  2. 1:20 อ้างมาจากหนังสือ สดุดี 69:25 และ
  3. 1:20 อ้างมาจากหนังสือ สดุดี 109:8

พระเยซูคืนสู่สวรรค์

เรียนใต้เท้าเธโอฟีลัส ในฉบับแรก ข้าพเจ้าได้เขียนถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเริ่มกระทำและสั่งสอน จนถึงวันที่พระองค์ถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ หลังจากที่พระองค์สั่งเหล่าอัครทูตซึ่งพระองค์ได้เลือกไว้แล้ว โดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลังจากที่ทนทุกข์ทรมาน พระองค์ได้ปรากฏให้คนเหล่านั้นเห็น และได้กระทำสิ่งอันเป็นข้อพิสูจน์หลายประการว่า พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ปรากฏแก่พวกเขาในช่วงเวลา 40 วัน และได้กล่าวถึงอาณาจักรของพระเจ้า

ครั้งหนึ่ง ขณะที่พระองค์กำลังรับประทานอยู่กับพวกเขา พระองค์ได้สั่งพวกเขาว่า “อย่าออกไปจากเมืองเยรูซาเล็ม แต่จงรอรับของประทานซึ่งพระบิดาได้ให้สัญญาไว้ ดังที่เราพูดไว้กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยว่ายอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ[a]แต่อีกไม่กี่วัน เจ้าจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”

ดังนั้นเมื่อเหล่าสาวกมาประชุมร่วมกันแล้วก็ได้ถามพระองค์ว่า “พระองค์ท่าน พระองค์จะให้อิสราเอลกลับมาปกครองอาณาจักรในไม่ช้าหรือ” พระองค์กล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะได้รู้วันเวลาที่พระบิดาได้กำหนดขึ้นด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์เอง แต่เจ้าจะได้รับฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเจ้า และเจ้าจะเป็นบรรดาพยานของเราในเมืองเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และสุดขอบโลก” สิ้นคำกล่าวแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปต่อหน้าคนเหล่านั้น ครั้นแล้วก็มีเมฆก้อนหนึ่งมาบังพระองค์พ้นจากสายตาพวกเขา 10 ขณะที่คนเหล่านั้นแหงนหน้ามองพระเยซูจากไป โดยไม่กะพริบตาอยู่นั้นเอง ดูเถิด มีชาย 2 คนสวมเสื้อผ้าสีขาวมายืนอยู่ข้างๆ 11 ชายทั้งสองกล่าวขึ้นว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมท่านจึงยืนแหงนดูฟ้าอยู่ที่นี่ พระเยซูถูกรับไปจากท่านขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์จะกลับมาในแบบเดียวกันกับที่ท่านเห็นพระองค์คืนสู่สวรรค์”

มัทธีอัสมาแทนยูดาส

12 พวกเขาเดินกลับจากภูเขามะกอกไปยังเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นระยะทางเดินสำหรับวันสะบาโต[b] 13 เมื่อถึงแล้วก็ขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่กำลังพักอยู่ ซึ่งขณะนั้นมีเปโตร ยอห์น ยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป โธมัส บาร์โธโลมิว มัทธิว ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ซีโมนผู้เป็นพรรคชาตินิยม และยูดาสบุตรของยากอบ 14 เขาเหล่านี้อธิษฐานร่วมกัน พร้อมกับกลุ่มสตรีและมารีย์มารดาของพระเยซู และกับเหล่าน้องชายของพระองค์อยู่เสมอ

15 แล้วเปโตรก็ยืนขึ้นท่ามกลางหมู่พี่น้อง (รวมทั้งกลุ่มได้ประมาณ 120 คน) 16 พูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย เรื่องของยูดาสผู้นำคนไปจับพระเยซู ต้องเป็นไปตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้ ดังที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวถึงโดยผ่านดาวิดนานมาแล้ว 17 เขาเป็นคนหนึ่งในพวกเรา และทำงานรับใช้ร่วมกัน” 18 (ยูดาสได้นำเงินรางวัลที่ได้จากการทำความชั่วของตนไปซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง แล้วเขาล้มคะมำลง ท้องแตกและไส้ทะลัก ณ ที่นั้น 19 เมื่อทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มได้ยินเรื่องนี้ ก็เรียกที่ดินนั้นตามภาษาของตนว่า อาเคลดามา คือที่ดินเลือด)

20 เปโตรพูดว่า “ด้วยเหตุว่ามีบันทึกไว้ในฉบับสดุดีดังนี้

‘ขอให้ค่ายของเขาร้าง
    และอย่าได้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย’[c]

และ

‘ขอให้คนอื่นมาเป็นผู้นำ แทนในตำแหน่งของเขา’[d]

21 ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งในบรรดาผู้ชายที่ได้อยู่กับพวกเรา ตลอดระยะเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าเข้านอกออกในท่ามกลางพวกเรา 22 นับตั้งแต่เวลาที่ยอห์นทำพิธีบัพติศมาให้แก่พระเยซู จนถึงเวลาที่พระองค์ถูกรับขึ้นไปจากเรา เพราะผู้ที่จะได้รับเลือกต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการฟื้นคืนชีวิตของพระองค์”

23 ดังนั้น พวกเขาจึงเสนอชื่อชาย 2 คนคือ โยเซฟที่บางคนเรียกว่าบาร์ซับบาส (มีอีกชื่อหนึ่งด้วยว่า ยุสทัส) และมัทธีอัส 24 แล้วก็อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบถึงจิตใจของทุกๆ คน ขอพระองค์ได้โปรดชี้ให้พวกเราเห็นว่า ในระหว่าง 2 คนนี้ ผู้ใดคือผู้ที่พระองค์เลือก 25 ให้ปฏิบัติงานรับใช้ของอัครทูตแทนยูดาส ซึ่งได้จากไปยังที่ๆ เขาสมควรอยู่” 26 จากนั้นพวกเขาก็จับฉลาก ซึ่งได้เป็นชื่อของมัทธีอัส ฉะนั้นเขาจึงเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาในหมู่อัครทูตทั้งสิบเอ็ด

Footnotes

  1. 1:5 บัพติศมา คือการจุ่มตัวลงในน้ำ เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ตั้งใจจะกลับใจจากการทำบาป
  2. 1:12 ระยะทางเดินสำหรับวันสะบาโต ประมาณได้ 1,100 เมตร
  3. 1:20 สดุดี 69:25
  4. 1:20 สดุดี 109:8