เผ่าทางด้านตะวันออกกลับบ้าน

22 แล้วโยชูวาเรียกชุมนุมเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า และกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายได้ทำทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และเชื่อฟังคำสั่งของข้าพเจ้าทุกอย่าง ท่านไม่ได้ละทิ้งพี่น้อง แต่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบหมายมาเป็นเวลานานจนถึงทุกวันนี้ บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงโปรดประทานการหยุดพักแก่พี่น้องของท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ ฉะนั้นจงกลับไปยังบ้านของท่านในดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้ท่านแล้ว แต่จงตั้งใจปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบไว้กับท่าน คือจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ จงปฏิบัติตามพระบัญชา จงยึดมั่นในพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจเถิด”

โยชูวาจึงอวยพรพวกเขาและส่งกลับไปยังดินแดนของเขา (โมเสสได้มอบดินแดนบาชานให้เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่า โยชูวาได้มอบดินแดนทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้ครอบครองร่วมกับพี่น้องเผ่าอื่นๆ) โยชูวาส่งพวกเขากลับบ้านและอวยพรพวกเขา พร้อมทั้งกล่าวว่า “จงกลับบ้านไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย ทั้งฝูงสัตว์ เงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก พร้อมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์จำนวนมาก และจงแบ่งทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน”

ดังนั้นบรรดาคนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงจากชนอิสราเอลที่ชิโลห์ในคานาอัน เพื่อกลับสู่กิเลอาดอันเป็นดินแดนกรรมสิทธิ์ของตนซึ่งได้มาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาผ่านทางโมเสส

10 เมื่อพวกเขามาถึงเกลีโลทใกล้แม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินคานาอัน ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้สร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ขึ้นใกล้ๆ แม่น้ำจอร์แดนนั้น 11 เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินว่าพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่เกลีโลท ชายแดนคานาอันใกล้แม่น้ำจอร์แดนในเขตแดนอิสราเอล 12 ประชากรอิสราเอลทั้งหมดก็มาชุมนุมกันที่ชิโลห์เตรียมรบกับพวกเขา

13 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงส่งฟีเนหัสบุตรปุโรหิตเอเลอาซาร์มายังดินแดนกิเลอาดเพื่อพบเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้น 14 มีผู้นำสิบคนจากสิบเผ่าของอิสราเอลมาด้วย แต่ละคนเป็นหัวหน้าครอบครัวจากตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอล

15 เมื่อพวกเขามาถึงกิเลอาดก็กล่าวกับเผ่ารูเบน กาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้นว่า 16 “ชุมนุมประชากรทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เหตุใดท่านจึงทรยศต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลเช่นนี้? ท่านถือดีอย่างไรจึงบังอาจหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและสร้างแท่นบูชาของตัวเองเป็นการกบฏต่อพระองค์ในตอนนี้? 17 ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือกับบาปของเราที่เปโอร์? ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้ชำระตนเองจากบาปนั้น ทั้งๆ ที่ภัยพิบัติตกแก่ชุมชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า! 18 และบัดนี้ท่านกำลังหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกหรือ?

“ ‘หากท่านกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะทรงพระพิโรธชุมชนอิสราเอลทั้งหมด 19 หากแผ่นดินที่ท่านครอบครองเป็นมลทิน ก็จงข้ามมายังดินแดนขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ซึ่งพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่ มาแบ่งปันดินแดนกับเรา แต่อย่าได้กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือต่อพวกเราโดยสร้างแท่นบูชาของตนเอง นอกเหนือจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา 20 เมื่ออาคานบุตรเศราห์ทุจริตเรื่องของต้องอุทิศถวาย[a] พระพิโรธตกอยู่แก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตายไปเพราะบาปนั้น’ ”

21 แล้วชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงตอบบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลว่า 22 “องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! พระองค์ทรงทราบ! และอิสราเอลจงทราบเถิด! หากนี่เป็นการกบฏหรือไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ก็อย่าไว้ชีวิตเราเลย 23 หากเราสร้างแท่นบูชาของเราเอง เพื่อหันเหจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องสันติบูชาบนแท่น ก็ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับเราด้วยพระองค์เองเถิด

24 “เปล่าเลย! เราสร้างแท่นนี้ขึ้นมาก็เพราะเราเกรงว่าในอนาคตลูกหลานของท่านอาจจะกล่าวกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านมีสิทธิ์อะไรในการนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล? 25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนกั้นระหว่างเรากับท่าน พวกท่าน คนรูเบนและกาด! ไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ แล้วลูกหลานของท่านจะทำให้ลูกหลานของเราเลิกยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

26 “ฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า ‘ให้เราเตรียมพร้อมและสร้างแท่นบูชาขึ้น ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาต่างๆ’ 27 แต่ตรงกันข้าม แท่นนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับท่านและคนรุ่นต่อๆ ไปว่าเราจะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา และเครื่องถวายต่างๆ ของเราที่สถานนมัสการของพระองค์ แล้วในอนาคตลูกหลานของท่านไม่อาจพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’

28 “และพวกเรากล่าวว่า ‘หากพวกเขากล่าวเช่นนี้กับเราหรือลูกหลานของเรา เราก็จะตอบว่าดูแท่นบูชาจำลองขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สร้างขึ้นสิ ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องบูชาหรือเครื่องเผาบูชา แต่เป็นพยานระหว่างเรากับท่าน’

29 “ขอให้การนั้นห่างไกลจากเราเถิด ในวันนี้เราจะไม่กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือหันเหจากพระองค์ โดยสร้างแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องบูชาต่างๆ แทนที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่หน้าพลับพลาของพระองค์”

30 เมื่อปุโรหิตฟีเนหัสและผู้นำทั้งปวงของชุมชนซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอลได้ยินคำกล่าวจากเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์เช่นนี้ก็พอใจ 31 ปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ตอบชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ว่า “วันนี้เรารู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเรา เพราะว่าท่านไม่ได้ทำผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องนี้ บัดนี้ท่านได้ช่วยชนอิสราเอลให้พ้นจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

32 แล้วปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำจึงกลับจากการพบกับชนเผ่ารูเบนและกาดในกิเลอาด มายังคานาอันและรายงานชนอิสราเอล 33 พวกเขาพากันดีใจที่ได้ฟังเรื่องราวและสรรเสริญพระเจ้า และพวกเขาไม่ได้พูดกันถึงเรื่องจะสู้รบเพื่อทำลายดินแดนของเผ่ารูเบนและกาดอีก

34 ชนเผ่ารูเบนและกาดตั้งชื่อแท่นนั้นว่า “พยานระหว่างเราว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า”

Footnotes

  1. 22:20 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป

เผ่าทางฟากตะวันออกกลับไปบ้าน

22 ในเวลานั้น โยชูวาเรียกชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์มา และพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านได้ปฏิบัติทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และได้เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาด้วย พวกท่านไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องของท่านเลยแม้จนถึงทุกวันนี้ และดำเนินการของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอย่างระมัดระวัง บัดนี้ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ให้พี่น้องของท่านได้หยุดพักแล้ว ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขา ฉะนั้นท่านกลับไปยังกระโจมของพวกท่านเถิด ไปยังดินแดนที่ท่านมีสิทธิเป็นเจ้าของ ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าได้มอบแก่ท่านที่อีกฟากของแม่น้ำจอร์แดน[a] ท่านเพียงระมัดระวังที่จะรักษาพระบัญญัติและหนังสือแห่งกฎบัญญัติที่โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้กับท่าน คือรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน และดำเนินชีวิตในทุกวิถีทางของพระองค์ และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ผูกพันกับพระองค์ และรับใช้พระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิตของพวกท่าน” แล้วโยชูวาก็อวยพรพวกเขาและให้กลับบ้านไป พวกเขาจึงกลับไปยังกระโจมของตน

โมเสสได้มอบดินแดนในบาชานให้แก่ครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ และอีกครึ่งเผ่าได้รับดินแดนที่โยชูวามอบให้ อันเป็นดินแดนที่ติดกับพี่น้องของพวกเขาที่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และเมื่อโยชูวาให้พวกเขากลับไปบ้าน และอวยพรพวกเขา ท่านพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านจงกลับไปยังกระโจมของท่านพร้อมกับสมบัติอันมั่งคั่งและฝูงปศุสัตว์มากมาย เงินและทองคำ ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก เสื้อผ้ามากมาย จงแบ่งสิ่งที่ยึดได้จากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน” ดังนั้น ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ก็กลับบ้านไป แยกไปจากชาวอิสราเอลที่ชิโลห์ซึ่งอยู่ในดินแดนคานาอัน เพื่อไปยังดินแดนกิเลอาด ซึ่งเป็นดินแดนของพวกเขาเองที่ได้รับเป็นเจ้าของตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางโมเสส

แท่นบูชาทางฟากตะวันออก

10 เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงเกลีโลทย่านแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ในดินแดนคานาอันแล้ว ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์จึงสร้างแท่นบูชาขนาดมหึมาที่นั่น ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน 11 และชาวอิสราเอลได้ยินมาว่า “ดูเถิด ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์ได้สร้างแท่นบูชาที่ชายแดนของดินแดนคานาอัน ที่เกลีโลทย่านแม่น้ำจอร์แดน บนฟากที่เป็นของชาวอิสราเอล” 12 และเมื่อชาวอิสราเอลได้ยินเช่นนั้น มวลชนชาวอิสราเอลทั้งปวงก็มาประชุมกันที่ชิโลห์เพื่อทำสงครามกับเขา

13 ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงให้ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิตไปหาชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในดินแดนกิเลอาด 14 นอกจากฟีเนหัสแล้ว มีหัวหน้า 10 คน คนหนึ่งจากแต่ละเผ่าของอิสราเอล แต่ละคนเป็นหัวหน้าครอบครัวท่ามกลางตระกูลของอิสราเอล 15 พวกเขามายังชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในดินแดนกิเลอาด และพูดว่า 16 “มวลชนทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘ท่านกระทำสิ่งที่ไร้ความภักดีอะไรเช่นนี้ต่อพระเจ้าของอิสราเอล วันนี้ท่านเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า ท่านสร้างแท่นบูชาให้แก่ตนเองในวันนี้เท่ากับเป็นการขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า 17 พวกเรากระทำบาปที่เปโอร์ไม่พอหรือ บาปที่เรายังชำระตัวเองไม่สะอาดด้วยซ้ำ และภัยพิบัติที่เกิดแก่มวลชนของพระผู้เป็นเจ้า[b] 18 แล้ววันนี้ท่านด้วยหรือที่จะต้องเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากว่าท่านขัดขืนพระผู้เป็นเจ้าในวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์ก็จะโกรธกริ้วต่อมวลชนของอิสราเอลทั้งปวง 19 แต่บัดนี้ ถ้าแผ่นดินที่ท่านเป็นเจ้าของนั้นเป็นมลทิน ก็จงข้ามเข้าไปในแผ่นดินที่กระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่ และหาที่แห่งหนึ่งให้ตัวท่านเองในท่ามกลางพวกเรา ขอเพียงท่านอย่าขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า หรือทำให้เรามีความผิดเพราะท่านสร้างแท่นบูชาให้ตัวท่านเอง ซึ่งนอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราเลย 20 อาคานบุตรของเศรัคมิใช่หรือที่ขาดความภักดีในเรื่องสิ่งที่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ตกอยู่กับมวลชนอิสราเอลทั้งหมด จึงไม่ใช่เพียงแต่ตัวเขาเท่านั้นที่พินาศเพราะบาปของเขา’”[c]

21 แล้วชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ก็ตอบบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอล 22 “พระเจ้าผู้กอปรด้วยอานุภาพคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้กอปรด้วยอานุภาพคือพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบ และขอให้อิสราเอลทราบด้วย ถ้าหากว่าเป็นการขัดขืนหรือขาดความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็อย่าไว้ชีวิตพวกเราเลย 23 ที่ว่าสร้างแท่นบูชาเพื่อเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า หรือถ้าพวกเราสร้างไว้เพื่อมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย หรือเครื่องธัญญบูชา หรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรมบนแท่นบูชา ก็ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ลงโทษเราเอง 24 ไม่ใช่เลย แต่พวกเราสร้างไว้เนื่องจากเกรงว่า ในภายภาคหน้าลูกหลานของท่านอาจจะพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘พวกท่านเกี่ยวโยงกับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลอย่างไร 25 เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าใช้แม่น้ำจอร์แดนเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเรากับพวกท่าน ท่านชาวรูเบนและชาวกาด พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด’ ดังนั้นลูกหลานของท่านอาจจะทำให้ลูกหลานของเราหยุดนมัสการพระผู้เป็นเจ้า 26 ฉะนั้นพวกเราจึงพูดกันว่า ‘เวลานี้พวกเรามาสร้างแท่นบูชากันเถิด ไม่ใช่เป็นที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายหรือเป็นเครื่องสักการะ 27 แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างเรากับพวกท่าน และระหว่างคนในรุ่นต่อๆ ไปหลังจากพวกเรา ว่าเรานมัสการพระผู้เป็นเจ้าด้วยสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย ด้วยเครื่องสักการะ และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อลูกหลานของพวกท่านจะไม่พูดกับลูกหลานของเราในภายภาคหน้าว่า “พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด”’ 28 และพวกเราคิดไว้ว่า ถ้ามีคนพูดกับเราหรือกับผู้สืบเชื้อสายของเราในภายภาคหน้า เราก็จะตอบได้ว่า ‘ดูเถิด แท่นบูชาจำลองของพระผู้เป็นเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกเราสร้างนั้น ไม่ใช่เป็นที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายหรือเป็นเครื่องสักการะ แต่เป็นพยานระหว่างเรากับพวกท่าน’ 29 ไม่มีวันที่เราจะขัดขืนพระผู้เป็นเจ้าและจะเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้าในวันนี้ แล้วจะสร้างแท่นบูชาเพื่อเป็นที่เผาสัตว์เป็นของถวาย เพื่อมอบเครื่องธัญญบูชา หรือเครื่องสักการะ ซึ่งนอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่ที่เบื้องหน้ากระโจมที่พำนักของพระองค์”

30 ครั้นฟีเนหัสปุโรหิตกับบรรดาหัวหน้ามวลชน และบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นได้ยินสิ่งที่ชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์พูด พวกเขาจึงเห็นดีด้วย 31 ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิตพูดกับชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ว่า “วันนี้พวกเราทราบแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเรา เพราะว่าพวกท่านไม่ได้กระทำสิ่งที่ไร้ความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และท่านได้ทำให้ชาวอิสราเอลพ้นจากการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้า

32 ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิต และบรรดาหัวหน้าก็จากชาวรูเบนและชาวกาดที่อยู่ในดินแดนกิเลอาดไป เพื่อไปยังชาวอิสราเอลที่ดินแดนคานาอัน เพื่อเล่าเรื่องให้พวกเขาฟัง 33 ชาวอิสราเอลเห็นดีด้วยกับรายงานนั้น ชาวอิสราเอลก็สรรเสริญพระเจ้า และไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะทำสงคราม เพื่อทำให้ดินแดนอันเป็นรกรากของชาวรูเบนและชาวกาดพินาศ 34 ชาวรูเบนและชาวกาดเรียกแท่นบูชาว่า พยาน เพราะเป็นพยานระหว่างพวกเราว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า