ดาวิด นาบาล และอาบีกายิล

25 ซามูเอลสิ้นชีวิตลง ชาวอิสราเอลทั้งปวงพากันมาร่วมชุมนุมไว้อาลัยให้แก่ซามูเอล และฝังศพเขาที่รามาห์บ้านเกิดของเขา

ส่วนดาวิดย้ายไปที่ถิ่นกันดารมาโอน[a] มีเศรษฐีคนหนึ่งในมาโอน มีทรัพย์สินอยู่ที่คารเมล เขามีแพะหนึ่งพันตัว แกะสามพันตัว ขณะนั้นเขาไปที่คารเมลเพื่อตัดขนแกะ เศรษฐีผู้นี้มีนามว่านาบาล เป็นวงศ์วานของคาเลบ ภรรยาของเขาชื่ออาบีกายิล เป็นคนสวยและเฉลียวฉลาด แต่ตัวนาบาลเป็นคนใจแคบและหยาบคาย

ขณะที่ดาวิดอยู่ในถิ่นกันดาร เขาได้ยินว่านาบาลกำลังตัดขนแกะ ก็สั่งชายหนุ่มสิบคนว่า “จงไปหานาบาลที่คารเมลและทักทายเขาในนามของเรา และแจ้งเขาว่า ‘ขอให้ท่านมีอายุมั่นขวัญยืน! ขอให้ท่านและครอบครัวมีสุขภาพดี! ขอให้ทุกอย่างในกรรมสิทธิ์ของท่านเจริญขึ้น!

“ ‘ข้าพเจ้าทราบมาว่าท่านกำลังตัดขนแกะ เราไม่เคยทำร้ายคนเลี้ยงแกะของท่านเลยขณะที่พวกเขาอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเรา ตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ในคารเมลก็ไม่มีสิ่งใดขาดหายไป โปรดถามคนของท่านดูว่าเป็นอย่างที่กล่าวมานี้หรือไม่ ฉะนั้นขอท่านเกื้อหนุนแก่คนของข้าพเจ้าเพราะเรามาเยือนในงานเลี้ยงฉลองนี้ โปรดให้ดาวิดบุตรและผู้รับใช้ของท่านตามแต่จะเอื้อเฟื้อ’”

เมื่อบรรดาคนของดาวิดมาถึง ก็เรียนให้นาบาลทราบตามนั้นในนามของดาวิดและรอฟังคำตอบ

10 นาบาลตอบคนรับใช้ของดาวิดว่า “ดาวิดเป็นใครกัน? ลูกเจสซีคนนี้เป็นใครกัน? ทุกวันนี้มีลูกจ้างมากมายหนีนายของตัวไป 11 ควรหรือที่เราจะเอาขนมปัง น้ำ และเนื้อที่เราฆ่าสำหรับคนตัดขนแกะของเราไปให้กลุ่มคนที่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า?”

12 คนของดาวิดจึงกลับมารายงานทุกถ้อยคำที่นาบาลกล่าว 13 ดาวิดสั่งว่า “ให้ทุกคนคาดดาบ!” ตัวดาวิดเองก็สะพายดาบออกเดินทาง มีพรรคพวกสี่ร้อยคนติดตามไป ส่วนอีกสองร้อยคนเฝ้าสัมภาระอยู่ที่กองหลัง

14 มีคนใช้คนหนึ่งของนาบาลไปบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า “ดาวิดส่งคนจากถิ่นกันดารมาทักทายนายท่าน แต่นายท่านไปดูถูกเอ็ดตะโรพวกนั้น 15 แท้ที่จริงคนของดาวิดดีต่อเรามาก พวกเขาไม่เคยทำอันตรายอะไรเราเลย ตลอดเวลาที่เราอยู่กลางทุ่งใกล้ๆ พวกเขา ไม่มีอะไรหายสักอย่าง 16 พวกเขาเป็นเกราะกำบังให้เราทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเวลาที่เราเลี้ยงแกะอยู่ใกล้ๆ พวกเขา 17 ขอให้นายหญิงตรึกตรองดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง เพราะภัยกำลังจะมาถึงนายท่านและครอบครัว นายท่านเป็นคนชั่วร้ายไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย”

18 อาบีกายิลไม่รอช้า รีบจัดขนมปังสองร้อยก้อน เหล้าองุ่นสองถุงหนัง เนื้อแกะที่ทำเสร็จแล้วห้าตัว ข้าวคั่วประมาณ 37 ลิตร[b] ขนมลูกเกดหนึ่งร้อยก้อน มะเดื่ออัดสองร้อยก้อน และใช้ลาบรรทุกของเหล่านี้ไป 19 นางสั่งคนรับใช้ว่า “รีบล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลสามีของนาง

20 ขณะที่นางขี่ลามาตามทางสู่หุบเขาลึก ก็พบดาวิดกับพวกสวนทางมา 21 ดาวิดเพิ่งกล่าวว่า “เปล่าประโยชน์ที่เราเฝ้าดูแลฝูงสัตว์ของเจ้าคนนี้ในถิ่นกันดาร ไม่ให้อะไรหายไปสักอย่าง เขากลับทำชั่วตอบแทนการดีของเรา 22 หากถึงรุ่งเช้าแล้ว เรายังไว้ชีวิตผู้ชายที่เป็นคนของนาบาลแม้แต่คนเดียว ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเรา[c]อย่างสาหัสสากรรจ์!”

23 เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด นางรีบลงจากหลังลา หมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นต่อหน้าดาวิด 24 นางหมอบลงแทบเท้าดาวิดและกล่าวว่า “นายท่านเจ้าข้า ดิฉันขอน้อมรับคำตำหนิทั้งหมด ขอให้ผู้รับใช้ของท่านได้พูดกับท่าน ขอโปรดฟังสิ่งที่ผู้รับใช้จะพูด 25 ขอนายท่านอย่าสนใจนาบาลคนชั่วร้ายนั้นเลย เขาเป็นคนโง่สมชื่อและความเขลาคงจะติดตามเขาไป ส่วนดิฉันผู้รับใช้ของท่านไม่ทันได้พบคนที่นายท่านส่งไป 26 นายท่านเจ้าข้า เนื่องจากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงป้องกันไม่ให้มือของนายท่านเปื้อนเลือดด้วยการลงมือแก้แค้นเอง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดและท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ขอให้ศัตรูและคนทั้งปวงที่มุ่งร้ายต่อนายท่านจงเป็นเหมือนนาบาลฉันนั้น 27 และนี่คือของกำนัลที่ผู้รับใช้ของนายท่านนำมามอบให้ท่านกับคนของท่าน

28 “โปรดยกโทษให้แก่การละเมิดของผู้รับใช้ของท่านด้วย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้ราชวงศ์ของนายท่านยืนยงตลอดไปอย่างแน่นอน เพราะท่านได้ต่อสู้ในสงครามขององค์พระผู้เป็นเจ้าขออย่าให้พบการกระทำผิดในตัวท่านเลยตลอดชีวิตของท่าน 29 ถึงแม้จะมีคนไล่ล่าเอาชีวิตของท่าน นายท่านก็ยังคงปลอดภัยอยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แต่ชีวิตศัตรูของท่านจะลับหายไปเหมือนถูกเหวี่ยงจากสลิง 30 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลสิ่งดีงามทั้งปวงแก่นายท่านตามพระสัญญา และทรงตั้งท่านเป็นผู้นำเหนืออิสราเอลแล้ว 31 นายท่านจะได้ไม่ต้องเสียใจที่ฆ่าคนโดยไม่จำเป็นหรือลงมือแก้แค้นเอง และเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลความสำเร็จแก่นายท่านแล้ว โปรดระลึกถึงผู้รับใช้ของท่านด้วย”

32 ดาวิดตอบอาบีกายิลว่า “ขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงส่งเจ้ามาพบเราในวันนี้ 33 ขอพระเจ้าอวยพรเจ้าสำหรับการตัดสินใจที่ดีของเจ้าและที่เจ้าช่วยป้องกันเราไม่ให้ฆ่าคนในวันนี้ ไม่ต้องแก้แค้นให้มือเปื้อนเลือด 34 มิฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงป้องกันไม่ให้เราทำอันตรายเจ้า ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด หากเจ้าไม่ได้มาพบเราอย่างรวดเร็ว คนของนาบาลคงไม่มีชีวิตเหลือรอดแม้แต่คนเดียวในเช้าวันพรุ่งนี้ฉันนั้น”

35 แล้วดาวิดจึงรับของกำนัลจากนาง และกล่าวว่า “จงกลับบ้านไปโดยสวัสดิภาพเถิด เรารับฟังและจะทำตามคำขอร้องของเจ้า”

36 เมื่อนางกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่านาบาลได้จัดงานเลี้ยงใหญ่ราวกับงานเลี้ยงของกษัตริย์ เขากำลังเมาอย่างหนัก นางจึงไม่ได้เล่าสิ่งใดให้เขาฟังจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น 37 เมื่อเขาสร่างเมาแล้ว และภรรยาเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขาถึงกับตกใจมากและแน่นิ่งไปเหมือนก้อนหิน 38 ประมาณสิบวันหลังจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษนาบาลและเขาก็ตาย

39 เมื่อดาวิดได้ยินว่านาบาลตายแล้ว ก็กล่าวว่า “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงให้ความเป็นธรรมแก่เราแล้วที่นาบาลดูหมิ่นเรา และทรงป้องกันผู้รับใช้ของพระองค์ไม่ให้ทำผิด และทรงให้นาบาลได้รับโทษสาสมกับความผิดแล้ว”

จากนั้นดาวิดก็ส่งคนไปขอนางอาบีกายิลมาเป็นภรรยา 40 คนของดาวิดมาที่คารเมล และกล่าวกับอาบีกายิลว่า “ดาวิดส่งเรามารับท่านไปเป็นภรรยาของเขา”

41 นางหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นกล่าวว่า “ผู้รับใช้ของท่านอยู่นี่แล้ว พร้อมที่จะรับใช้ท่าน และล้างเท้าให้บริวารของนายท่าน” 42 อาบีกายิลรีบขึ้นลาไปกับผู้สื่อสารของดาวิด โดยมีสาวใช้ห้าคนติดตามไปด้วย นางได้เป็นภรรยาของดาวิด 43 ดาวิดยังได้แต่งงานกับนางอาหิโนอัมจากยิสเรเอลด้วย และนางทั้งสองได้เป็นภรรยาของดาวิด 44 แต่ซาอูลทรงยกมีคาลราชธิดาของพระองค์ซึ่งเป็นภรรยาของดาวิดให้แก่ปัลทีเอล[d]บุตรลาอิชผู้มาจากกัลลิม

Footnotes

  1. 25:1 ภาษาฮีบรูว่าปาราน
  2. 25:18 ภาษาฮีบรูว่า5 ซีห์
  3. 25:22 ภาษาฮีบรูว่ากับศัตรูของดาวิด
  4. 25:44 ภาษาฮีบรูว่าปัลทีเป็นอีกรูปหนึ่งของปัลทีเอล

ซามูเอลเสียชีวิต

25 ซามูเอลเสียชีวิต และชาวอิสราเอลทั้งปวงมาชุมนุมกันและร้องคร่ำครวญถึงท่าน และฝังท่านไว้ที่เมืองรามาห์ที่ท่านเคยอาศัยอยู่

ดาวิดและอาบีกายิล

ดาวิดก็ออกเดินทางลงไปยังถิ่นทุรกันดารปาราน มีชายผู้หนึ่งในเมืองมาโอนทำธุรกิจที่คาร์เมล ชายผู้นี้มั่งมีมาก มีแกะ 3,000 ตัว แพะ 1,000 ตัว เขาให้คนตัดขนแกะที่คาร์เมล เขาชื่อนาบาล มีภรรยาชื่ออาบีกายิล เป็นหญิงรูปงามและฉลาดรอบรู้ ส่วนสามีเป็นคนกระด้างและร้ายกาจ เป็นชาวคาเลบ[a] ดาวิดได้ข่าวในถิ่นทุรกันดารว่า นาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่ ดาวิดจึงให้พรรคพวกชายหนุ่ม 10 คนไป และสั่งว่า “จงไปที่คาร์เมล ไปหานาบาล และทักทายเขาในนามของเรา พวกท่านจงทักทายเขาว่า ‘สันติสุขจงอยู่กับท่าน กับครอบครัวของท่าน และกับทุกสิ่งที่เป็นของท่าน ข้าพเจ้าได้ยินว่าท่านมีคนตัดขนแกะ คนเฝ้าฝูงแกะของท่านก็เคยคุ้นเคยกับพวกเรา และเราไม่เคยทำร้ายพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เคยมีอะไรถูกขโมยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในคาร์เมล ท่านถามชายหนุ่มของท่านได้ พวกเขาจะบอกท่านเอง ฉะนั้นขอให้ชายหนุ่มของข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาท่าน เพราะว่าพวกเรามาในวันฉลองเทศกาล โปรดให้สิ่งที่ท่านพอจะมีอยู่บ้างแก่พวกผู้รับใช้ และแก่ดาวิดบุตรของท่านด้วยเถิด’”

เมื่อพรรคพวกหนุ่มๆ ของดาวิดมา พวกเขาก็พูดกับนาบาลไปตามนั้นในนามของดาวิด แล้วก็คอยอยู่ 10 นาบาลจึงพูดกับพวกผู้รับใช้ของดาวิดว่า “ดาวิดคือผู้ใด บุตรของเจสซีคือผู้ใด สมัยนี้มีพวกผู้รับใช้มากมายที่หนีเจ้านายไป 11 จะให้เราเอาขนมปัง น้ำ และเนื้อที่เราฆ่าไว้สำหรับคนตัดขนแกะ มาให้แก่พวกคนที่เราไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างนั้นหรือ” 12 ดังนั้นพวกชายหนุ่มจึงกลับไปบอกทุกสิ่งให้ท่านทราบ 13 ดาวิดบอกพรรคพวกท่านว่า “ทุกคนจงคาดดาบ” ทุกคนจึงคาดดาบ ดาวิดก็คาดดาบของท่านเช่นกัน มีชายประมาณ 400 คนตามดาวิดขึ้นไป ขณะที่ 200 คนอยู่เฝ้ากองยุทธภัณฑ์และเสบียงไว้

14 แต่ชายหนุ่มผู้หนึ่งบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า “ดูเถิด ดาวิดได้ให้ผู้ส่งสาสน์มาจากถิ่นทุรกันดาร เพื่อทักทายนายของเรา แต่นายกลับตวาดใส่พวกเขา 15 ถึงกระนั้นผู้ชายพวกนั้นก็ยังดีต่อเรามาก ตลอดเวลาที่เราอยู่กับพวกเขา เราไม่ได้ถูกทำร้าย ระยะเวลาเราอยู่ในทุ่งนา สิ่งที่เป็นของเราก็ไม่ได้หายไป 16 เขาเป็นเหมือนเกราะป้องกันพวกเราทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ตลอดช่วงเวลาที่เราเฝ้าฝูงแกะอยู่กับพวกเขา 17 ฉะนั้นท่านรับทราบแล้ว ขอให้คำนึงว่าท่านควรจะกระทำสิ่งใด เพราะภัยอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นกับนายของพวกเราและครอบครัวของท่าน นาบาลเป็นคนเลวร้ายจนไม่มีใครพูดกับท่านได้”

18 อาบีกายิลจึงรีบหาขนมปัง 200 ก้อน กับถุงเหล้าองุ่น 2 ถุง แกะที่ย่างแล้ว 5 ตัว และเมล็ดข้าวคั่ว 5 สอาห์[b] และองุ่นแห้ง 100 พวง และมะเดื่อแห้ง 200 ก้อน บรรทุกไว้บนหลังลา 19 และนางบอกผู้รับใช้หนุ่มว่า “จงไปล่วงหน้าเรา แล้วเราจะตามหลังเจ้าไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลสามีของนาง 20 ขณะที่นางกำลังขี่ลาลงมาที่หุบเขา ดาวิดกับพรรคพวกของท่านก็ลงมาพบกับนาง นางพบกับพวกเขา 21 ดาวิดเพิ่งพูดว่า “ไร้ประโยชน์แท้ๆ ที่เราปกป้องทุกสิ่งที่เป็นของนายคนนั้นในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเขาถูกขโมย และเขาสนองตอบความดีของเราด้วยความเลวร้าย 22 ขอพระเจ้ากระทำต่อดาวิดอย่างสาหัสยิ่งกว่า หากว่าเราปล่อยแม้เพียงชายคนเดียวของนายคนนั้นให้มีชีวิตรอดอยู่ถึงรุ่งเช้า”

23 เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด นางรีบลงจากหลังลา ก้มหน้าลงซบพื้นต่อหน้าดาวิด 24 นางซบที่เท้าของท่าน และพูดว่า “นายท่าน ถือว่าเป็นความผิดของฉันเพียงผู้เดียว กรุณาให้ผู้รับใช้ของท่านพูดเถิด ช่วยฟังคำของผู้รับใช้ของท่าน 25 นายท่านกรุณาอย่าไปสนใจนาบาลชายผู้ชั่วร้ายคนนั้นเลย ชื่อของเขามีความหมายอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น เขาชื่อนาบาล และความโง่เขลาก็อยู่กับเขา แต่ฉันผู้รับใช้ของท่านไม่ได้พบกับพวกชายหนุ่มของนายท่านที่ท่านได้ใช้ให้ไป 26 นายท่าน เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยับยั้งท่านจากการกระทำบาปในการนองเลือด และจากการแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด และตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ บัดนี้ขอให้ศัตรูของท่านและบรรดาผู้ที่หมายจะปองร้ายนายท่านจงเป็นอย่างเช่นนาบาลเถิด 27 และขอให้พวกชายหนุ่มที่ตามนายท่านมารับของกำนัลที่ผู้รับใช้ของนายท่านนำมา 28 โปรดให้อภัยความผิดของผู้รับใช้ของท่านด้วย ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างพงศ์พันธุ์ที่มั่นคงให้แก่นายท่าน และท่านจะไม่กระทำความชั่วตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ 29 ถ้าหากว่าชายใดไล่ล่าท่านและหมายจะเอาชีวิตท่าน ชีวิตของนายท่านจะปลอดภัยในความดูแลของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ส่วนชีวิตของศัตรูของท่าน พระองค์จะเหวี่ยงพวกเขาออกไปเหมือนเหวี่ยงออกจากเชือกสลิง 30 และเมื่อนายท่านได้รับสิ่งที่ดีจากพระผู้เป็นเจ้าตามที่พระองค์กล่าวไว้เกี่ยวกับท่าน และได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้นำอิสราเอลแล้ว 31 จะไม่มีสาเหตุที่ทำให้นายท่านต้องเสียใจหรือปรักปรำตนเอง ที่ได้ฆ่าคนโดยไม่จำเป็น หรือแก้แค้นด้วยตนเอง และเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพรท่านแล้ว ขอให้ระลึกถึงผู้รับใช้ของท่านด้วย”

32 ดาวิดพูดกับอาบีกายิลว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ให้เจ้ามาพบเราในวันนี้ 33 ขอให้ความรอบคอบของเจ้าได้รับพร และตัวเจ้าได้รับพรเถิด วันนี้เจ้าช่วยเราให้พ้นจากบาปของการนองเลือด และจากการแก้แค้นด้วยมือของเราเอง 34 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลมีชีวิตอยู่ฉันใด พระองค์ได้ยับยั้งเราไม่ให้ทำร้ายเจ้า หากว่าเจ้าไม่ได้รีบมาพบกับเรา นาบาลก็คงจะไม่มีแม้แต่ชายคนเดียวที่รอดชีวิตอยู่จนถึงรุ่งเช้าแน่” 35 แล้วดาวิดก็รับสิ่งที่นางนำมาให้ท่านจากมือนาง และท่านพูดกับนางว่า “เจ้าขึ้นไปบ้านของเจ้าอย่างสันติเถิด เห็นไหมล่ะ เราฟังเสียงเจ้า และเราทำตามคำขอร้องของเจ้า”

36 อาบีกายิลไปหานาบาล เขากำลังมีงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านของเขา อย่างงานเลี้ยงของกษัตริย์ นาบาลร่าเริงอย่างเต็มหัวใจ เพราะว่าเขาเมามาก นางจึงไม่ได้เล่าสิ่งใดให้เขาฟังจนกว่าฟ้าสาง 37 ครั้นรุ่งเช้า เมื่อนาบาลสร่างจากเหล้าองุ่นแล้ว ภรรยาของเขาจึงเล่าเรื่องเหล่านั้นให้เขาฟัง เขาแน่นิ่ง และขยับตัวไม่ได้ 38 ประมาณ 10 วันหลังจากนั้นพระผู้เป็นเจ้าทำให้นาบาลถึงแก่ชีวิต

39 เมื่อดาวิดทราบว่านาบาลสิ้นชีวิตแล้ว ท่านพูดว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้แก้แค้นนาบาลที่ดูหมิ่นเรา และยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์ไม่ให้กระทำผิด และให้ความผิดของนาบาลลงโทษเขาเอง” แล้วดาวิดให้คนไปพูดกับอาบีกายิลเพื่อรับนางมาเป็นภรรยาของตน 40 ครั้นบรรดาผู้รับใช้ของดาวิดไปหาอาบีกายิลที่คาร์เมลแล้ว พวกเขาพูดกับนางว่า “ดาวิดให้พวกเรามาหาท่านเพื่อรับท่านไปเป็นภรรยาของดาวิด” 41 นางลุกขึ้นและก้มหน้าลงซบพื้นตอบว่า “ดูเถิด หญิงรับใช้ของท่านเป็นผู้รับใช้ที่ล้างเท้าของบรรดาผู้รับใช้ของนายท่าน” 42 และอาบีกายิลรีบลุกขึ้นขี่ลา และหญิงสาว 5 คนเดินตามนางไป นางตามบรรดาผู้ส่งข่าวของดาวิดไป และนางก็เป็นภรรยาของดาวิด

43 ดาวิดรับอาหิโนอัมชาวยิสเรเอลด้วย ทั้งสองจึงเป็นภรรยาของดาวิด 44 ส่วนซาอูลก็ได้ยกมีคาลบุตรหญิงของท่าน ผู้เป็นภรรยาของดาวิด ให้แก่ปัลทีบุตรของลาอิชแห่งเมืองกัลลิมแล้ว

Footnotes

  1. 25:3 กันดารวิถี 13:6
  2. 25:18 3 สอาห์ เท่ากับ 1 เอฟาห์ ซึ่งมีประมาณ 22 ลิตร