อาโดนียาห์ตั้งตนเป็นกษัตริย์

เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงชรามากแล้ว แม้จะห่มผ้าสักกี่ผืนก็ไม่อุ่น ข้าราชบริพารจึงกราบทูลว่า “ควรหาสาวพรหมจารีมาอยู่งานถวายการปรนนิบัติให้ นอนแนบเคียงพระวรกายเพื่อฝ่าพระบาทจะทรงอบอุ่น”

พวกเขาจึงเฟ้นหาหญิงงามทั่วอิสราเอล ในที่สุดก็เลือกอาบีชากชาวชูเนม จึงนำตัวนางมาเข้าเฝ้า หญิงสาวนั้นงดงามมาก คอยดูแลถวายการปรนนิบัติ แต่กษัตริย์ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนาง

ฝ่ายอาโดนียาห์ราชโอรสของพระนางฮักกีท กำเริบเสิบสานและกล่าวว่า “เราจะเป็นกษัตริย์” ดังนั้นจึงจัดรถม้าศึก พลขับ[a]และเกณฑ์คนห้าสิบคนให้วิ่งนำขบวน (ราชบิดาของเขาไม่เคยห้ามปรามหรือถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนั้น?” เขายังเป็นคนหล่อเหลา เกิดถัดจากอับซาโลม)

อาโดนียาห์คบคิดกับโยอาบบุตรนางเศรุยาห์และปุโรหิตอาบียาธาร์ซึ่งสนับสนุนตน แต่ปุโรหิตศาโดก เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา ผู้เผยพระวจนะนาธัน ชิเมอี เรอี[b] และราชองครักษ์ของดาวิดไม่ได้ร่วมอยู่ฝ่ายอาโดนียาห์

อาโดนียาห์ถวายแกะ วัว กับลูกวัวขุนที่ศิลาแห่งโศเฮเลทใกล้เอนโรเกล เขาได้เชิญโอรสทั้งปวงของดาวิดและบรรดาข้าราชบริพารของยูดาห์มาร่วมพิธี 10 แต่ไม่เชิญผู้เผยพระวจนะนาธัน เบไนยาห์ราชองครักษ์ และโซโลมอนพระอนุชา

11 ผู้เผยพระวจนะนาธันจึงไปทูลถามพระนางบัทเชบาพระมารดาของโซโลมอนว่า “พระนางทรงทราบหรือไม่ว่าอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีทตั้งตนเป็นกษัตริย์แล้ว โดยที่กษัตริย์ดาวิดไม่ทรงทราบเรื่องเลย? 12 ข้าพระบาทขอถวายคำปรึกษาเพื่อพระนางจะทรงสงวนชีวิตของพระนางกับโอรสโซโลมอนไว้ได้ 13 คือโปรดเสด็จไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลถามว่า ‘ฝ่าพระบาททรงปฏิญาณกับหม่อมฉันแล้วไม่ใช่หรือว่า “โซโลมอนลูกของเจ้า จะได้เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากเรา” แล้วทำไมอาโดนียาห์จึงขึ้นเป็นกษัตริย์?’ 14 แล้วขณะที่พระนางกำลังทูลกษัตริย์อยู่ ข้าพระบาทจะเข้าไปกราบทูลยืนยัน”

15 พระนางบัทเชบาจึงเสด็จเข้าไปในห้องประทับของกษัตริย์ซึ่งทรงชรามากแล้ว อาบีชากชาวชูเนมกำลังอยู่งานถวายการปรนนิบัติ 16 บัทเชบาคุกเข่าแล้วกราบลงต่อหน้ากษัตริย์

กษัตริย์ตรัสถามว่า “เจ้าประสงค์สิ่งใด?”

17 พระนางทูลว่า “ฝ่าพระบาททรงปฏิญาณไว้กับหม่อมฉันผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทว่า ‘โซโลมอนลูกของเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากเรา’ 18 แต่บัดนี้กลับกลายเป็นว่าอาโดนียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่โดยที่ฝ่าพระบาทผู้ทรงเป็นกษัตริย์ไม่ได้ทรงทราบเรื่องเลย 19 อาโดนียาห์ได้ถวายวัว ลูกวัวขุน กับแกะมากมาย ทั้งได้เชิญโอรสทั้งปวงของฝ่าพระบาท ปุโรหิตอาบียาธาร์ แม่ทัพโยอาบ แต่ไม่เชิญโซโลมอนผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท 20 ข้าแต่กษัตริย์ อิสราเอลทั้งปวงกำลังจับตาดูว่าจะทรงเลือกใครขึ้นครองราชย์สืบต่อจากฝ่าพระบาท 21 มิฉะนั้นแล้วทันทีที่ฝ่าพระบาททรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ พวกเขาจะปฏิบัติต่อหม่อมฉันกับลูกโซโลมอนเหมือนเป็นอาชญากร”

22 ขณะที่พระนางกำลังทูลกษัตริย์ ผู้เผยพระวจนะนาธันก็มาถึง 23 พวกเขาจึงทูลกษัตริย์ว่า “ผู้เผยพระวจนะนาธันมารอเข้าเฝ้า” นาธันจึงเข้ามาหมอบกราบลงต่อหน้ากษัตริย์

24 และกราบทูลว่า “ฝ่าพระบาททรงแต่งตั้งอาโดนียาห์เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากฝ่าพระบาทแล้วหรือ? 25 วันนี้เขาได้ถวายวัว ลูกวัวขุน กับแกะมากมาย และเชิญโอรสทุกพระองค์ของฝ่าพระบาท แม่ทัพนายกอง และปุโรหิตอาบียาธาร์ ขณะนี้พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองและโห่ร้องว่า ‘กษัตริย์อาโดนียาห์ จงทรงพระเจริญ!’ 26 แต่ข้าพระองค์ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ปุโรหิตศาโดก เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และโซโลมอนผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทไม่ได้รับเชิญ 27 ฝ่าพระบาททรงกระทำการครั้งนี้ไปโดยไม่ทรงอนุญาตให้เหล่าข้าพระบาททราบหรือว่าใครคือผู้ที่จะครองราชย์สืบต่อจากฝ่าพระบาท?”

ดาวิดตั้งโซโลมอนเป็นกษัตริย์(A)

28 กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “เรียกบัทเชบามานี่สิ” พระนางจึงเข้ามายืนอยู่ต่อหน้า

29 แล้วกษัตริย์ตรัสปฏิญาณว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเหลือเราให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวงนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด 30 วันนี้เราจะทำตามที่ได้ปฏิญาณไว้กับเจ้าในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลฉันนั้น คือโซโลมอนลูกของเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเรา และจะครองบัลลังก์แทนเรา”

31 บัทเชบาจึงหมอบซบลงกับพื้น และคุกเข่าทูลว่า “ขอให้กษัตริย์ดาวิดเจ้านายของหม่อมฉันทรงพระเจริญเป็นนิตย์!”

32 กษัตริย์ดาวิดตรัสสั่งว่า “จงเรียกปุโรหิตศาโดก ผู้เผยพระวจนะนาธัน และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดามา” เมื่อพวกเขามาถึง 33 กษัตริย์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงนำข้าราชบริพารของเราไปกับเจ้า และให้ลูกโซโลมอนขี่ล่อของเราไปที่กีโฮน 34 ให้ปุโรหิตศาโดกและผู้เผยพระวจนะนาธันเจิมตั้งเขาเป็นกษัตริย์อิสราเอลที่นั่น จงเป่าแตรและโห่ร้องว่า ‘กษัตริย์โซโลมอนจงทรงพระเจริญ!’ 35 จากนั้นจงกลับมากับเขา ให้เขานั่งบนบัลลังก์ครองราชย์แทนเรา เราได้แต่งตั้งเขาเป็นกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์”

36 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาทูลว่า “อาเมน ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงประกาศเช่นนั้นเถิด 37 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับโซโลมอนเหมือนที่สถิตกับฝ่าพระบาทมาแล้ว เพื่อกระทำให้ราชบัลลังก์ของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าของกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพระบาท!”

38 ฉะนั้นปุโรหิตศาโดก ผู้เผยพระวจนะนาธัน เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา พวกเคเรธีและเปเลทจึงลงไปเชิญโซโลมอนประทับบนล่อของดาวิดและนำเสด็จไปยังกีโฮน 39 ปุโรหิตศาโดกนำน้ำมันจากพลับพลาศักดิ์สิทธิ์บรรจุในเขาสัตว์มาเจิมตั้งโซโลมอน แล้วพวกเขาเป่าแตรและคนทั้งปวงโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์โซโลมอนจงทรงพระเจริญ!” 40 จากนั้นเขาทั้งปวงตามเสด็จโซโลมอนกลับมา มีการเป่าขลุ่ยครึกครื้นรื่นเริงเป็นการใหญ่ เสียงสนั่นหวั่นไหวจนแผ่นดินสะท้าน

41 อาโดนียาห์และแขกรับเชิญทั้งปวงได้ยินเสียงกระหึ่มขณะกำลังจะเสร็จสิ้นงานเลี้ยง เมื่อได้ยินเสียงแตร โยอาบถามว่า “เหตุใดจึงมีเสียงอึกทึกครึกโครมทั่วเมืองนี้?”

42 พูดยังไม่ทันขาดคำ โยนาธานบุตรของปุโรหิตอาบียาธาร์ก็เข้ามา อาโดนียาห์กล่าวว่า “เข้ามาเถิด เจ้าเป็นคนดี จะต้องมีข่าวดีมาบอก”

43 โยนาธานเรียนว่า “ไม่เป็นเช่นนั้น! กษัตริย์ดาวิดเจ้าเหนือหัวของเราทรงตั้งโซโลมอนเป็นกษัตริย์แล้ว 44 พระองค์ทรงให้โซโลมอนไปยังกีโฮนพร้อมด้วยปุโรหิตศาโดก ผู้เผยพระวจนะนาธัน เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา คนเคเรธี และคนเปเลท โซโลมอนทรงประทับบนล่อของกษัตริย์ 45 แล้วปุโรหิตศาโดกกับผู้เผยพระวจนะนาธันเจิมตั้งโซโลมอนเป็นกษัตริย์ที่กีโฮน พวกเขาฉลองครื้นเครงมาตลอดทาง ทั่วทั้งเมืองจึงพากันเอิกเกริก นี่คือเสียงที่ท่านได้ยิน 46 ยิ่งกว่านั้นโซโลมอนขึ้นประทับเหนือราชบัลลังก์ 47 และเหล่าข้าราชบริพารเข้าเฝ้าถวายพระพรแด่กษัตริย์ดาวิด และกราบทูลว่า ‘ขอพระเจ้าของฝ่าพระบาททรงให้พระนามของโซโลมอนเลื่องลือยิ่งกว่าฝ่าพระบาท และราชบัลลังก์ของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าของฝ่าพระบาทเถิด!’ แล้วกษัตริย์ดาวิดทรงโน้มกราบลงนมัสการบนแท่นที่บรรทม 48 แล้วตรัสว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงให้ข้าพระองค์ได้เห็นทายาทครองบัลลังก์ของข้าพระองค์ในวันนี้’ ”

49 ถึงตอนนี้แขกรับเชิญทั้งหลายของอาโดนียาห์ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ และหนีกันไปคนละทิศคนละทาง 50 ส่วนอาโดนียาห์หนีเข้าไปจับเชิงงอนของแท่นบูชาไว้ด้วยความกลัวโซโลมอน 51 เมื่อมีผู้ไปทูลโซโลมอนว่า “อาโดนียาห์กลัวฝ่าพระบาทจึงจับเชิงงอนของแท่นบูชาไว้และกล่าวว่า ‘ขอให้กษัตริย์โซโลมอนปฏิญาณกับเราในวันนี้ว่าจะไม่ประหารชีวิตผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยดาบ’ ”

52 โซโลมอนตรัสตอบว่า “ถ้าเขาทำตัวดี ผมสักเส้นของเขาก็จะไม่ร่วงลงพื้น แต่หากพบสิ่งใดไม่ดีในตัวเขา เขาจะต้องตาย” 53 กษัตริย์โซโลมอนจึงส่งคนไปนำตัวอาโดนียาห์มาจากแท่นบูชา อาโดนียาห์เข้ามากราบลงต่อหน้า โซโลมอนก็ตรัสว่า “กลับไปบ้านของท่านเถิด”

Footnotes

  1. 1:5 หรือม้า
  2. 1:8 หรือชิเมอีและเพื่อนๆของเขา

ดาวิดในยามชรา

ในยามที่กษัตริย์ดาวิดชรามากแล้ว แม้ว่าจะมีคนช่วยท่านสวมเสื้อผ้าหลายตัว แต่ท่านก็ไม่รู้สึกอุ่นขึ้น ฉะนั้นบรรดาผู้รับใช้ของท่านจึงทูลว่า “ให้เสาะหาหญิงสาวสักคนหนึ่งมาให้เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เถิด และให้เธออยู่ปรนนิบัติกษัตริย์ และคอยรับใช้ท่าน ให้เธออยู่ในอ้อมกอดของท่าน เพื่อเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์จะได้อุ่นขึ้น” ดังนั้น พวกเขาจึงเฟ้นหาสาวงามทั่วแผ่นดินอิสราเอล และได้พบอาบีชากชาวชูเนม พวกเขาจึงนำเธอมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ หญิงสาวผู้นี้งดงามมาก คอยรับใช้และปรนนิบัติท่าน แต่กษัตริย์ไม่มีเพศสัมพันธ์กับเธอ

อาโดนียาห์ตั้งตนเป็นกษัตริย์

ฝ่ายอาโดนียาห์บุตรของนางฮักกีทตั้งตัวขึ้นด้วยการกล่าวว่า “เรานี่แหละจะเป็นกษัตริย์” เขาจึงหารถศึกและทหารม้า อีกทั้งชาย 50 คนวิ่งนำหน้าเขาไป บิดาของเขาไม่เคยตั้งคำถามที่จะทำให้เขาไม่พอใจ ดังเช่นว่า “ทำไมเจ้าจึงกระทำเช่นนี้เช่นนั้น” เขาเป็นคนรูปงามมาก เป็นลูกลำดับต่อจากอับซาโลม เขาปรึกษากับโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ และกับอาบียาธาร์ปุโรหิต พวกเขาจึงปฏิบัติตามอาโดนียาห์ และช่วยเหลือเขา แต่ศาโดกปุโรหิต[a] เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา[b] นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า[c] ชิเมอี เรอี และเหล่าทหารกล้าของดาวิดไม่ได้เป็นฝ่ายอาโดนียาห์

อาโดนียาห์ถวายแกะ โค และสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องสักการะที่ข้างๆ หินงู ซึ่งอยู่ติดกับเอนโรเกล เขาเชิญพี่น้องผู้ชาย บรรดาบุตรของกษัตริย์ และข้าราชสำนักของยูดาห์ทั้งปวงมา 10 แต่เขาไม่ได้เชิญทั้งนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า หรือเบไนยาห์ หรือเหล่าทหารกล้า และซาโลมอนน้องชายของเขา

นาธานและบัทเช-บาเข้าเฝ้าดาวิด

11 ครั้นแล้วนาธานพูดกับบัทเช-บามารดาของซาโลมอนว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าอาโดนียาห์บุตรของนางฮักกีทได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ และดาวิดเจ้านายของเราไม่ทราบเรื่องนี้ 12 ฉะนั้น กรุณามาเถิด ข้าพเจ้าขอแนะนำท่าน เพื่อท่านจะได้รักษาชีวิตของตัวเองและชีวิตของซาโลมอนบุตรของท่านให้รอด 13 จงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิดทันที และถามว่า ‘เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ไม่ได้สัญญากับผู้รับใช้ของท่านดังนี้หรือว่า “ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา” แล้วเหตุใดอาโดนียาห์จึงได้เป็นกษัตริย์เล่า’ 14 และขณะที่ท่านกำลังพูดกับกษัตริย์ ข้าพเจ้าจะตามหลังท่านเข้ามา เพื่อสนับสนุนสิ่งที่ท่านพูด”

15 ดังนั้นบัทเช-บาจึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่ห้องส่วนตัว (ในเวลานั้นกษัตริย์ชรามากแล้ว และอาบีชากชาวชูเนมกำลังปรนนิบัติกษัตริย์อยู่) 16 บัทเช-บาก้มแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ และกษัตริย์กล่าวว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด” 17 นางพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ท่านสัญญากับผู้รับใช้ของท่านในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านดังนี้ว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 18 แต่มาบัดนี้ ดูเถิด อาโดนียาห์ได้เป็นกษัตริย์ แม้กระทั่งเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ก็ไม่ทราบเรื่องนี้ 19 เขาได้ถวายโค สัตว์อ้วนพี และแกะมากมาย และได้เชิญบรรดาบุตรของกษัตริย์ทุกคน อาบียาธาร์ปุโรหิต และโยอาบผู้บังคับกองพันทหาร แต่เขาไม่ได้เชิญซาโลมอนผู้รับใช้ของท่าน 20 และบัดนี้เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ชาวอิสราเอลทั้งปวงกำลังมองท่านอยู่ เพื่อให้บอกพวกเขาว่า ใครเป็นคนต่อไปหลังจากท่าน ที่จะนั่งบนบัลลังก์ของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ 21 มิฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่านแล้ว ข้าพเจ้ากับซาโลมอนบุตรของข้าพเจ้าก็จะกลายเป็นฝ่ายกบฏ”

22 ขณะที่นางกำลังพูดกับกษัตริย์ นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าก็เข้ามา 23 มีคนแจ้งกษัตริย์ว่า “นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว” เมื่อนาธานเข้ามาอยู่ ณ เบื้องหน้ากษัตริย์ ท่านก้มหน้าลงซบพื้น 24 นาธานพูดว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ท่านเคยกล่าวไว้หรือว่า ‘อาโดนียาห์จะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 25 เพราะวันนี้เขาได้ลงไปถวายโค สัตว์อ้วนพี และแกะจำนวนมากเป็นเครื่องสักการะ และได้เชิญบรรดาบุตรของกษัตริย์ทุกคน ผู้บัญชากองทัพทั้งหลาย และอาบียาธาร์ปุโรหิต และดูเถิด พวกเขากำลังดื่มกินอยู่เบื้องหน้าอาโดนียาห์ และพูดกันว่า ‘ขอกษัตริย์อาโดนียาห์มีอายุยืนนาน’ 26 แต่เขาไม่ได้เชิญข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน ศาโดกปุโรหิต เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา และซาโลมอนผู้รับใช้ของท่าน 27 เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ได้จัดการเรื่องดังกล่าว โดยท่านยังไม่ได้บอกให้บรรดาผู้รับใช้ของท่านให้รู้หรือว่า ใครควรจะนั่งบนบัลลังก์ของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เป็นคนต่อไป”

ซาโลมอนได้รับเจิมให้เป็นกษัตริย์

28 ครั้นแล้วกษัตริย์ดาวิดจึงตอบว่า “จงเรียกบัทเช-บาให้มาหาเรา” นางจึงเข้ามาเฝ้ากษัตริย์ และยืน ณ เบื้องหน้าท่าน 29 จากนั้นกษัตริย์ก็สาบานว่า “พระผู้เป็นเจ้าช่วยให้เราได้มีชีวิตพ้นจากศัตรูทุกคน ฉะนั้น ตราบที่พระองค์มีชีวิตอยู่ฉันใด 30 เราขอสาบานกับเจ้าด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเราแทนที่เรา’ ในวันนี้เราจะกระทำตามคำกล่าวที่ว่านั้น” 31 และบัทเช-บาก็ก้มลงหน้าซบพื้นแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ และพูดว่า “ขอให้กษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้ามีชีวิตยิ่งยืนนานเถิด”

32 กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “เรียกศาโดกปุโรหิต นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาให้มาหาเรา” เขาเหล่านั้นจึงมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ 33 และกษัตริย์กล่าวกับพวกเขาว่า “จงเอาบรรดาผู้รับใช้ของเจ้านายของพวกท่านไป และให้ซาโลมอนบุตรของเราขึ้นขี่ล่อของเรา และนำเขาลงไปยังบ่อน้ำพุกีโฮน 34 และให้ศาโดกปุโรหิตกับนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเจิมเขา ให้เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลที่นั่น แล้วเป่าแตรงอน[d]พร้อมกับประกาศว่า ‘ขอกษัตริย์ซาโลมอนมีอายุยืนนาน’ 35 และพวกท่านจงตามหลังเขาขึ้นมา และให้เขามานั่งบนบัลลังก์ของเรา เพราะว่าเขาจะเป็นกษัตริย์แทนเรา เราได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้ปกครองอิสราเอลและยูดาห์” 36 และเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาตอบกษัตริย์ว่า “อาเมน ขอให้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์กล่าวเช่นนั้นด้วยเถิด 37 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าได้สถิตกับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เช่นไร ขอให้พระองค์สถิตกับซาโลมอนเช่นนั้น และโปรดให้บัลลังก์ของซาโลมอนยิ่งใหญ่กว่าของกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้าเถิด”

38 ดังนั้น ศาโดกปุโรหิต นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา ชาวเคเรธ และชาวเปเลท ต่างก็ลงไปจัดให้ซาโลมอนขึ้นขี่ล่อของกษัตริย์ดาวิด และนำท่านไปยังบ่อน้ำพุกีโฮน 39 และศาโดกปุโรหิตเอาเขาสัตว์บรรจุน้ำมันจากกระโจมมาเจิมซาโลมอน แล้วพวกเขาก็เป่าแตรงอน ประชาชนก็ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ขอกษัตริย์ซาโลมอนมีอายุยืนนาน” 40 และประชาชนทั้งปวงก็ตามท่านขึ้นไป พลางเป่าขลุ่ย และชื่นชมยินดียิ่งนัก เสียงดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน

41 ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังจะสิ้นสุดงานเลี้ยงฉลอง อาโดนียาห์และบรรดาผู้รับเชิญทั้งปวงที่อยู่ด้วยก็ได้ยินเสียง และเมื่อโยอาบได้ยินเสียงแตรงอน เขาพูดว่า “เสียงอึกทึกในเมืองเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” 42 ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ดูเถิด โยนาธานบุตรของอาบียาธาร์ปุโรหิตก็มา อาโดนียาห์พูดว่า “เข้ามาสิ เพราะว่าท่านเป็นคนดี คงจะนำข่าวดีมา” 43 โยนาธานตอบอาโดนียาห์ว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น ด้วยว่ากษัตริย์ดาวิดเจ้านายของพวกเราได้แต่งตั้งซาโลมอนให้เป็นกษัตริย์แล้ว 44 และกษัตริย์ได้ให้ศาโดกปุโรหิต นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา พวกชาวเคเรธ และชาวเปเลทไปกับท่าน และพวกเขาได้ให้ท่านขี่ล่อของกษัตริย์ 45 ศาโดกปุโรหิตและนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้เจิมท่านให้เป็นกษัตริย์ที่บ่อน้ำพุกีโฮน และทุกคนก็ได้ขึ้นไปจากที่นั่นด้วยความชื่นชมยินดี จนทั้งเมืองเกิดเสียงอึกทึก ซึ่งเป็นเสียงที่ท่านได้ยิน 46 ซาโลมอนก็นั่งบนราชบัลลังก์ 47 ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับใช้ของกษัตริย์ได้มาแสดงความยินดีกับกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของพวกเราว่า ‘ขอพระเจ้าของท่านโปรดให้นามของซาโลมอนเป็นที่โด่งดังยิ่งกว่านามของท่าน และโปรดให้บัลลังก์ของซาโลมอนยิ่งใหญ่กว่าของท่าน’ และกษัตริย์ก็ก้มตัวลงกราบที่เตียงนอน 48 และกษัตริย์ยังกล่าวอีกว่า ‘ขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้รับพระพรเถิด พระองค์ได้มอบให้ผู้หนึ่งนั่งบนบัลลังก์ของเราในวันนี้ และเราก็เห็นด้วยตาของเราเอง’”

49 ครั้นแล้วบรรดาผู้รับเชิญของอาโดนียาห์ก็ตัวสั่นเทาและลุกขึ้น ต่างก็กลับไปตามทางของตน 50 อาโดนียาห์เกรงกลัวซาโลมอน เขาจึงลุกขึ้น และไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชา 51 และมีคนรายงานแก่กษัตริย์ซาโลมอนว่า “ดูเถิด เขาจับที่เชิงงอนที่แท่นบูชา พูดว่า ‘ให้กษัตริย์ซาโลมอนสาบานกับเราก่อนว่า ท่านจะไม่ใช้ดาบสังหารผู้รับใช้ของท่าน’” 52 ซาโลมอนกล่าวว่า “ถ้าเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนดี ผมบนศีรษะของเขาก็จะไม่ร่วงถึงพื้นดิน แต่ถ้าพบว่าเขามีความชั่วร้าย เขาก็จะต้องตาย” 53 กษัตริย์ซาโลมอนให้คนไปนำตัวเขาลงมาจากแท่นบูชา เขาจึงลงมาแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ซาโลมอน และซาโลมอนพูดกับเขาว่า “กลับไปบ้านของพี่เถิด”