Add parallel Print Page Options

ภาค 1

บทที่ 1-41

สองทางที่แตกต่าง

คนมีความสุขคือ
    คนที่ไม่กระทำตามคำแนะนำของหมู่คนชั่ว
ไม่ยืนอยู่ในที่ของคนบาป
    และไม่นั่งอยู่ในที่ของคนช่างเย้ยหยัน
แต่ความยินดีของเขาอยู่ที่กฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
    และเขาใคร่ครวญถึงกฎบัญญัติของพระองค์ตลอดทั้งวันและคืน
เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ใกล้แหล่งน้ำ
    ซึ่งให้ผลตามฤดูกาล
ใบไม่เหี่ยวเฉา
    และทุกสิ่งที่เขาทำก็บังเกิดผลดียิ่ง

ส่วนคนชั่วร้ายไม่เป็นเช่นนั้น
    เพราะพวกเขาเป็นเหมือนเปลือกข้าว
    ที่ถูกลมพัดปลิวไป
ฉะนั้น พวกคนชั่วร้ายจะไม่อาจทนต่อวันพิพากษาได้
    และพวกคนบาปจะอยู่ในที่ประชุมของผู้มีความชอบธรรมไม่ได้เช่นกัน
ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าทราบทางของผู้มีความชอบธรรม
    ส่วนทางของคนชั่วร้ายจะพินาศ

องค์ที่พระเจ้าเจิมเป็นผู้ครองที่แท้จริง

ทำไมบรรดาประชาชาติจึงมีความเคียดแค้น
    และบรรดาชนชาติวางแผนอันไร้ประโยชน์
บรรดากษัตริย์ในโลกพร้อมที่จะต่อสู้
    และชนชั้นระดับปกครองมาร่วมกันต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า
และต่อต้านองค์ผู้ได้รับการเจิมไว้แล้วของพระองค์[a]
    โดยกล่าวว่า
“เรามาทำให้โซ่ขาดสะบั้นลง
    และเหวี่ยงตรวนให้หลุดพ้นจากพวกเราเถิด”

องค์ผู้พำนักอยู่ในสวรรค์หัวเราะ
    พระผู้เป็นเจ้าเย้ยหยันพวกเขา
ครั้นแล้วพระองค์จะกล่าวด้วยความกริ้ว
    และทำให้พวกเขาสะพรึงกลัวต่อการลงโทษของพระองค์ว่า
“เราได้แต่งตั้งกษัตริย์ของเราไว้
    ที่ศิโยน[b]ซึ่งเป็นภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา”

ข้าพเจ้าจะประกาศกฎเกณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้า

พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา
    วันนี้เราประกาศว่า เราเป็นบิดาของเจ้า[c]
จงขอจากเรา
    และเราจะมอบบรรดาประชาชาติให้แก่เจ้าเป็นมรดก
    และทุกมุมโลกจะเป็นของเจ้า
เจ้าจะทำลายพวกเขาด้วยคทาเหล็ก
    และเขาจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับภาชนะดินเผา”

10 มาบัดนี้ กษัตริย์ทั้งหลาย จงฉลาดเถิด
    ชนชั้นระดับปกครองของโลกจงรับคำเตือนเถิด
11 จงรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเกรงกลัว
    และน้อมใจชื่นชมยินดีในพระองค์
12 จงจูบแสดงความนอบน้อมต่อพระบุตร มิฉะนั้น พระองค์จะกริ้ว
    และเจ้าจะตายเสียกลางถนน
เพราะว่าความกริ้วของพระองค์ผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว
    คนมีความสุขคือทุกคนที่แสวงหาพระองค์เป็นที่พึ่ง

วางใจในพระเจ้ายามถูกต่อต้าน

เพลงสดุดีของดาวิด คราวที่หลบหนีจากอับซาโลมซึ่งเป็นบุตรชายของท่าน[d]

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย
    คนจำนวนมากลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
หลายคนพูดถึงข้าพเจ้าว่า
    “ไม่มีความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้าสำหรับเขาเลย” เซล่าห์[e]

แต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นเสมือนโล่ป้องกันของข้าพเจ้า
    เป็นพระบารมีของข้าพเจ้า
    และเป็นองค์ผู้ให้ข้าพเจ้าชูศีรษะขึ้นได้อีก
ข้าพเจ้าจะร้องด้วยเสียงอันดังต่อพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์จะตอบข้าพเจ้าจากภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ เซล่าห์

ข้าพเจ้านอนลง ครั้นแล้วก็นอนหลับไป
    ข้าพเจ้าตื่นขึ้นได้ก็เพราะพระผู้เป็นเจ้าคุ้มครอง
ข้าพเจ้าจะไม่กลัวผู้คนนับหมื่น
    ที่อยู่รายรอบซึ่งพร้อมจะต่อต้านข้าพเจ้า

ได้โปรดลุกขึ้นเถิด ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเถิด พระเจ้าของข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ตบหน้าศัตรูของข้าพเจ้าทุกคน
    และทำให้ฟันฟางของคนชั่วทั้งปวงหักเสีย

ความรอดพ้นเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
    ขอพระพรของพระองค์อยู่กับชนชาติของพระองค์ เซล่าห์

วิงวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยด้วยใจมั่น

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสาย เพลงสดุดีของดาวิด

เวลาข้าพเจ้าร้องเรียกถึง ได้โปรดตอบข้าพเจ้าเถิด
    พระเจ้าแห่งความชอบธรรมของข้าพเจ้า
เวลาข้าพเจ้าเศร้าใจ พระองค์ยังช่วยให้ข้าพเจ้าโล่งใจ
    โปรดมีพระคุณต่อข้าพเจ้าและฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเถิด

มนุษย์เอ๋ย เกียรติของเราจะต้องทนต่อความละอายนานแค่ไหน
    เจ้าจะรักคำพูดอันไร้ประโยชน์ และแสวงหาสิ่งมดเท็จไปนานแค่ไหน เซล่าห์
แต่จงรู้ไว้เถิดว่า พระผู้เป็นเจ้าได้เลือกผู้ภักดีให้กับพระองค์เอง
    พระผู้เป็นเจ้าจะฟังเวลาข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์

จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่ากระทำบาป[f]
    ใคร่ครวญในใจของเจ้าเอง บนเตียงนอนของเจ้า
    และสงบเงียบไว้ เซล่าห์
จงมอบเครื่องสักการะบูชาอย่างถูกต้อง
    และไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า

หลายคนพูดว่า “ใครจะแสดงให้เราเห็นสิ่งดีงาม” โอ พระผู้เป็นเจ้า
    โปรดให้แสงอันรุ่งโรจน์จากใบหน้าของพระองค์สัมผัสพวกเราเถิด
ความยินดีในใจข้าพเจ้าที่พระองค์ได้ให้นั้น
    มากเกินกว่าความอุดมสมบูรณ์จากพืชผล
    และเหล้าองุ่นที่คนอื่นๆ มีเสียอีก

ข้าพเจ้าจะเอนกายลงและนอนหลับด้วยใจสงบ
    โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่า
    พระองค์เท่านั้นที่ทำให้ข้าพเจ้าอยู่ในที่ปลอดภัย

วิงวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยด้วยความวางใจ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องเป่า เพลงสดุดีของดาวิด

โปรดเงี่ยหูฟังคำของข้าพเจ้าเถิด พระผู้เป็นเจ้า
    ขอพระองค์พิจารณาคำพูดอันแผ่วเบาของข้าพเจ้า
กษัตริย์และพระเจ้าของข้าพเจ้า
    โปรดตั้งใจฟังเสียงร้องเรียกของข้าพเจ้า
    เพราะว่าข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์

โอ พระผู้เป็นเจ้า ในยามเช้าพระองค์ฟังเสียงของข้าพเจ้า
    ในยามเช้าข้าพเจ้ากล่าวคำร้องขอต่อพระองค์
    และยังเฝ้ารออยู่
ด้วยว่า พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าที่ยินดีในความชั่วร้าย
    สิ่งเลวร้ายไม่อยู่กับพระองค์
คนยโสจะยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ไม่ได้
    พระองค์เกลียดชังทุกคนที่ประพฤติชั่วร้าย
พระองค์ทำให้คนพูดปดทั้งปวงพินาศ
    คนกระหายเลือดและคนหลอกลวง
    คือพวกที่พระผู้เป็นเจ้ารังเกียจอย่างยิ่ง
แต่ข้าพเจ้าจะเข้าไปในพระตำหนักของพระองค์
    ด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์
ข้าพเจ้าจะก้มกราบลงที่พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    ด้วยความยำเกรง

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดนำทางข้าพเจ้าด้วยความชอบธรรมของพระองค์
    เพราะพวกศัตรูรอท่าข้าพเจ้าอยู่
    ช่วยทำทางของพระองค์ให้เรียบราบตรงหน้าข้าพเจ้า
เพราะไม่อาจหาสัจจะจากปากพวกเขา
    ส่วนลึกภายในมุ่งหวังเพียงทำลาย
ลำคอของพวกเขาคือหลุมฝังศพเปิดอยู่
    เขาใช้ลิ้นพูดจาหลอกลวง[g]
10 โอ พระเจ้า ทำให้พวกเขาถึงซึ่งความพินาศเถิด
    ให้เขาล้มลงเพราะแผนการของเขา
ขอไล่เขาไปเพราะเขาทำความผิดไว้มากมาย
    และยังขัดขืนต่อต้านพระองค์
11 แต่ให้ทุกคนที่หันมาและพึ่งพระองค์มีความยินดี
    ให้เขาได้เปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีไปตลอดกาลเถิด
โปรดปกป้องคุ้มครองพวกเขา
    เพื่อว่าบรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะได้ร่าเริงใจในพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์จะให้พรแก่ผู้มีความชอบธรรม
    พระองค์ปกป้องพวกเขาไว้ทุกด้านด้วยความโปรดปรานดั่งโล่ป้องกันตัว

อธิษฐานยามลำบาก และพระเจ้าได้ยิน

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสายตามเสียงสูงต่ำ 1 ช่วง เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าดุว่าข้าพเจ้าขณะที่พระองค์กริ้ว
    และขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้จากการลงโทษของพระองค์
เมตตาข้าพเจ้าเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะข้าพเจ้าอ่อนระโหย
    โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเยียวยาข้าพเจ้าให้หายขาด เพราะกระดูกของข้าพเจ้าสั่นระริกด้วยความกลัว
และความกลัวอย่างที่สุดเข้าเกาะกุมจิตวิญญาณของข้าพเจ้า
    นานเพียงไร โอ พระผู้เป็นเจ้า นานเพียงไร

โปรดหันกลับมาเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นด้วย
    ไว้ชีวิตข้าพเจ้าเพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์เถิด
เพราะในความตายไม่มีการระลึกถึงพระองค์
    ใครเล่าจะสรรเสริญพระองค์ได้ในแดนคนตาย

ข้าพเจ้าอ่อนล้าเพราะร้องคร่ำครวญอยู่
    เตียงนอนข้าพเจ้าเปียกชุ่มทุกค่ำคืน ข้าพเจ้าร้องรำพันจนที่นั่งเปียกโชก
ความระทมใจทำให้ตาข้าพเจ้าช้ำชอก
    มันอ่อนล้าลงก็เพราะพวกศัตรูของข้าพเจ้าทุกคน

ทุกคนที่ทำความชั่วจงไปให้พ้นจากข้าพเจ้า
    เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยินเสียงร้องไห้ของข้าพเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพเจ้าวิงวอนขอ
    พระองค์จะรับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
10 ศัตรูของข้าพเจ้าทุกคนจะละอายใจและสั่นระริกด้วยความกลัวยิ่ง
    และจะต้องหันหลังกลับไปด้วยความอับอายในพริบตาเดียว

วิงวอนขอความเป็นธรรมจากองค์ผู้ตัดสินความ

ทำนองชิกกาโยน[h]ของดาวิดซึ่งท่านร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เรื่องของคูช ชาวเบนยามิน

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีพระองค์เป็นที่พึ่ง
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากพวกที่ตามล่า และขอไว้ชีวิตข้าพเจ้าเถิด
เกรงว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนสิงโตที่ฉีกเนื้อข้าพเจ้าออกเป็นชิ้นๆ
    และจะลากข้าพเจ้าไปโดยที่ไม่มีใครช่วยเหลือได้

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า หากว่าข้าพเจ้าได้กระทำตามนั้นจริง
    ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้ผิด
ถ้าข้าพเจ้าทำร้ายพันธมิตร
    หรือยึดของจากศัตรูโดยไร้สาเหตุแล้ว
ก็ให้ศัตรูตามล่าและจับตัวข้าพเจ้าไปเถิด
    ให้เขาเหยียบย่ำชีวิตข้าพเจ้าให้จมธรณี
    และให้จิตวิญญาณข้าพเจ้าแบนราบไปกับผงธุลีเถิด เซล่าห์

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดลุกขึ้นขณะที่พระองค์กริ้วเถิด
    ขอให้พระองค์ลุกขึ้นต่อต้านพวกศัตรูผู้เดือดดาลของข้าพเจ้า
    ตื่นขึ้นเถิด พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์เตรียมการพิพากษาไว้แล้ว
ให้ที่ประชุมของบรรดาชนชาติอยู่รายล้อมพระองค์
    และขอพระองค์ปกครองพวกเขาจากที่เบื้องสูง
    พระผู้เป็นเจ้าพิพากษาคนทั้งปวง
โอ พระผู้เป็นเจ้า พิสูจน์ให้เห็นว่าข้าพเจ้าถูกต้องตามความชอบธรรม
    และสัจจะที่มีในตัวข้าพเจ้าเถิด
ให้ความรุนแรงของคนชั่วโฉดสิ้นสุดลงเถิด
    และเสริมสร้างผู้มีความชอบธรรม
พระองค์เป็นผู้ทดสอบความคิดและจิตใจ
    โอ พระเจ้าผู้มีความชอบธรรม

10 พระเจ้าเป็นดั่งโล่ป้องกันของข้าพเจ้า
    พระองค์ช่วยผู้มีใจเที่ยงธรรมให้รอดพ้น
11 พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินความที่มีความชอบธรรม
    และเป็นพระเจ้าผู้ขัดเคืองได้ทุกเช้าค่ำ
12 หากใครไม่สารภาพ
    พระองค์จะลับดาบ
    พระองค์ได้น้าวคันธนูและขึ้นสายไว้พร้อมแล้ว
13 พระองค์ได้ตระเตรียมอาวุธที่ปลิดชีพได้
    ลูกธนูของพระองค์ชุบเชื้อเพลิงให้ติดไฟ

14 ดูเถิด คนชั่ววางแผนทำความชั่ว
    และสร้างความยุ่งยากให้เกิดขึ้น
    แล้วสิ่งที่ตามมาคือสิ่งมดเท็จ
15 เขาขุดดินให้เป็นหลุม
    ครั้นแล้วก็ตกหลุมพรางที่เขาขุดขึ้นเอง
16 ความยุ่งยากที่เขาก่อไว้หวนกลับมาตกใส่หัวของเขาเอง
    และการกระทำอันรุนแรงก็กลับตกลงมาบนกระหม่อมของตัวเอง

17 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าตามความชอบธรรมของพระองค์
    และข้าพเจ้าจะร้องสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด

สรรเสริญองค์ผู้สร้างสิ่งทั้งปวง

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองกิททิธ[i] เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา
    พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่งนักในแหล่งหล้า
พระบารมีของพระองค์ครอบคลุม
    อยู่เหนือฟ้าสวรรค์

พระองค์กระทำให้คำสรรเสริญออกจากปากเด็กและทารกที่ยังไม่หย่านม[j]
    เพราะศัตรูของพระองค์
    เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามและพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นนิ่งเสีย
เวลาข้าพเจ้ามองไปยังฟ้าสวรรค์
    ผลงานจากฝีมือของพระองค์
ดวงจันทร์และดวงดาว
    ซึ่งพระองค์สร้างขึ้น
มนุษย์คือใคร ที่พระองค์จะเอาใจใส่
    หรือบุตรมนุษย์คือใคร ที่พระองค์จะดูแลรักษา

พระองค์ทำให้เขาด้อยกว่าพระเจ้าเล็กน้อย[k]
    และพระองค์ได้มอบบารมีและเกียรติให้แก่เขา
พระองค์ให้สรรพสิ่งที่พระองค์สร้าง อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
    พระองค์ได้ให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าของเขา[l]
ไม่เพียงสัตว์สี่เท้าทั้งปวง
    แต่รวมทั้งสัตว์ป่าในทุ่งด้วย
นกในอากาศและปลาในทะเล
    อะไรก็ตามที่แหวกว่ายในท้องทะเล

โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา
    พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่งนักในแหล่งหล้า

ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองมุธลับเบน[m] เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่พระองค์กระทำ
ข้าพเจ้าจะดีใจและยินดีในพระองค์
    โอ องค์ผู้สูงสุด ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

เวลาศัตรูของข้าพเจ้าหันกลับ
    พวกเขาพลั้งพลาดและพินาศต่อหน้าพระองค์
เพราะพระองค์รักษาสิทธิและการกระทำที่ถูกต้องของข้าพเจ้า
    พระองค์อยู่บนบัลลังก์ตัดสินด้วยความชอบธรรม
พระองค์ห้ามบรรดาประชาชาติ พระองค์กำจัดคนชั่ว
    พระองค์ลบชื่อพวกเขาจนหมดสิ้นไปชั่วนิรันดร์กาล
พวกศัตรูถูกทำลายให้สาบสูญไป
    เมืองของพวกเขาก็ได้ล่มสลายหายสาบสูญไปสิ้น
    แม้แต่ความทรงจำถึงพวกเขาก็ไม่มีเหลือ

แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์ตลอดกาล
    พระองค์ได้สร้างบัลลังก์ของพระองค์ขึ้นเพื่อตัดสินความ
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
    และจะตัดสินบรรดาชนชาติด้วยความเป็นธรรม
พระผู้เป็นเจ้าเป็นหลักยึดอันมั่นคงของผู้ที่ถูกบีบบังคับ
    และเป็นที่หลบภัยในยามทุกข์ยาก
10 และบรรดาผู้รู้จักพระนามของพระองค์ไว้วางใจในพระองค์
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์ไม่เคยละทิ้งคนที่แสวงหาพระองค์

11 จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ผู้สถิตในศิโยน
    จงประกาศสิ่งที่พระองค์สำแดงในท่ามกลางชนชาติ
12 เพราะว่าองค์ผู้แก้แค้นโดยการประหาร พระองค์ระลึกถึงพวกเขา
    พระองค์ไม่ลืมเสียงร้องของผู้มีทุกข์

13 โอ พระผู้เป็นเจ้า เมตตาข้าพเจ้าด้วย
    ดูเถิดว่า ข้าพเจ้าได้รับทุกข์ทรมานจากบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพเจ้าอย่างไรบ้าง
    พระองค์เป็นผู้พยุงข้าพเจ้าขึ้นจากประตูแห่งความตาย
14 เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวคำสดุดีถึงพระองค์
    และภายในเขตประตูของธิดาแห่งศิโยน[n]
    ข้าพเจ้าจะยินดีที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น

15 บรรดาประชาชาติพากันตกหลุมที่ตนขุดไว้
    เท้าของพวกเขาเกี่ยวเอาตาข่ายที่พรางไว้
16 พระผู้เป็นเจ้าสำแดงพระองค์ให้เห็นจากความเป็นธรรมของพระองค์
    คือคนชั่วตกลงในบ่วงแร้วที่ทำขึ้นมาเอง ฮิกาโยน[o] เซล่าห์
17 คนชั่วจะกลับไปยังแดนคนตาย
    คือประชาชาติทั้งปวงที่ลืมพระเจ้า
18 แต่ผู้ยากไร้จะไม่ถูกลืมเสมอไป
    และผู้มีความทุกข์จะไม่สิ้นหวังไปตลอดกาล

19 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดลุกขึ้นเถิด อย่าปล่อยให้มนุษย์มีชัย
    โปรดให้บรรดาประชาชาติถูกพิพากษาต่อหน้าพระองค์
20 ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า
    โปรดให้บรรดาประชาชาติรู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ เซล่าห์

วิงวอนขอพระผู้เป็นเจ้าช่วยให้พ้นจากคนชั่ว

โอ พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์จึงยืนอยู่ห่างไกล
    ทำไมพระองค์จึงหลบลี้ในยามที่ข้าพเจ้าลำบาก

ด้วยความยโสคนชั่วกดขี่ข่มเหงคนขัดสน
    พวกเขาวางแผนอย่างไร ก็ขอให้ถูกจับได้ตามแผนของเขาเถิด
เพราะคนชั่วโอ้อวดว่า ในใจตนใฝ่ฝันอะไรบ้าง
    คนโลภจะสาปแช่งและปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า
คนชั่วโอหังนักจึงไม่แสวงหาพระองค์
    ในความคิดมีแต่เพียงคำว่า “พระเจ้าไม่มีจริง”
วิถีทางของเขามั่นคงเสมอไป
    โทษทัณฑ์ของพระองค์อยู่ห่างสายตาของเขา
    เขาเยาะเย้ยพวกศัตรูของเขา
เขาคิดในใจว่า “เราจะไม่รู้สึกสะเทือนเลย
    เราจะไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากตลอดทุกชั่วอายุคน”

ปากของเขาเต็มด้วยคำสาปแช่ง[p] คำหลอกลวง และการข่มขู่
    ใต้ลิ้นของเขาพร้อมที่จะปล่อยความยุ่งยาก และความชั่วออกมา
เขานั่งดักรออยู่ตามหมู่บ้าน
    เขาฆ่าคนไร้ความผิดในที่ลับ
ดวงตาจับจ้องผู้คนที่หมดหนทาง
    เขาแอบซุ่มรอราวกับสิงโตในถิ่นของมัน
โดยซุ่มรอเพื่อจับตัวผู้อ่อนกำลัง
    และผู้ที่อ่อนกำลังนั้นแหละก็จะถูกจับตัวไปเมื่อถูกล่อเข้าติดกับดัก
10 พวกเขาก็พ่ายแพ้และฟุบลง
    คือล้มอยู่ภายใต้พลังของเขา
11 เขาคิดอยู่ในใจว่า “พระเจ้าลืมเสียแล้ว
    พระองค์ซ่อนหน้าไป และจะไม่มีวันเห็นหรอก”

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า โอ พระเจ้า โปรดยกมือพระองค์ขึ้นเถิด
    อย่าลืมผู้ที่อ่อนกำลัง
13 ทำไมคนชั่วจึงไม่ยอมรับพระเจ้า
    ทำไมเขาคิดในใจว่า
    “พระเจ้าไม่ลงโทษพวกเรา”
14 แต่พระองค์เห็นความลำเค็ญและความเศร้าใจ
    ซึ่งพระองค์จะเป็นธุระให้
ผู้ที่หมดหนทางมอบกายใจแก่พระองค์
    พระองค์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งเสมอมา
15 ขอพระองค์ทำลายอำนาจของคนชั่วและคนเลว
    จนกระทั่งความเลวร้ายของพวกเขาไม่มีอีกต่อไป

16 พระผู้เป็นเจ้าเป็นกษัตริย์ชั่วนิรันดร์กาล
    บรรดาประชาชาติจะพินาศไปจากแผ่นดินของพระองค์
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ยินว่าคนทุกข์ใจต้องการอะไร
    พระองค์จะให้กำลังใจและฟังพวกเขา
18 เพื่อให้ความยุติธรรมต่อผู้ไร้ที่พึ่งและผู้ถูกบีบบังคับ
    แล้วพวกที่อยู่ในแผ่นดินโลก
    จะไม่เป็นที่น่าสะพรึงกลัวแก่พวกเขาอีกต่อไป

ที่พึ่งของข้าพเจ้าคือพระผู้เป็นเจ้าผู้มีความชอบธรรม

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าพเจ้าแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่ง
    ท่านพูดกับข้าพเจ้าได้อย่างไรว่า
    “หนีไปยังภูเขาของท่านดั่งนก
ดูสิ เพราะพวกคนชั่วน้าวคันธนู
    แล้วพาดลูกศรไว้กับสายธนู
เพื่อยิงไปยังหัวใจของบรรดาผู้มีใจเที่ยงธรรม
    ท่ามกลางความมืด
หากว่าฐานรากถูกทำลายเสียแล้ว
    ผู้มีความชอบธรรมจะทำอะไรได้”

พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้าอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ในสวรรค์
พระองค์สังเกตดูบรรดาบุตรของมนุษย์
    สายตาของพระองค์ตรวจสอบดูพวกเขา
พระผู้เป็นเจ้าตรวจสอบผู้มีความชอบธรรม
    และจิตวิญญาณของพระองค์เกลียดชังคนชั่วร้ายและพวกนิยมการกระทำอันรุนแรง
พระองค์จะทำให้ถ่านและกำมะถัน
    ที่ลุกเป็นเพลิงถั่งโถมลงสู่คนชั่ว
    ลมร้อนผะผ่าวเป็นส่วนหนึ่งที่เขาจะต้องได้รับ

ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้ามีความชอบธรรม
    พระองค์รักความยุติธรรม
    บรรดาผู้มีความเที่ยงธรรมจะมองเห็นใบหน้าของพระองค์

ยึดมั่นในคำพูดของพระผู้เป็นเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามเสียงสูงต่ำ 1 ช่วง เพลงสดุดีของดาวิด

พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยด้วย เพราะหาผู้ใฝ่ใจในพระเจ้าไม่ได้เลย
    คนมีความภักดีได้สาบสูญไปจากบรรดาบุตรของมนุษย์แล้ว
ทุกคนพูดปดต่อเพื่อนบ้านของตน
    เขาใช้ริมฝีปากพูดยกยอ
    โดยไม่มีความจริงใจ

ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเชือดริมฝีปากที่พูดยกยอ
    และทุกลิ้นที่โอ้อวด
ว่า “เราจะมีชัยชนะด้วยลิ้นของเรา
    ริมฝีปากเป็นของเรา
    ใครเป็นเจ้าเป็นนายเรา”

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
“เพราะว่าผู้อ่อนกำลังถูกบีบบังคับ
    และผู้มีทุกข์ออกเสียงคร่ำครวญ บัดนี้เราจะลุกขึ้น
    เราจะให้เขาอยู่ในที่ปลอดภัยตามที่พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่ง”
คำพูดของพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์
    ดั่งเงินที่ถูกหลอมในเตาไฟ
    เพื่อให้บริสุทธิ์ถึง 7 ครั้ง

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะปกป้องพวกเรา
    พระองค์จะคุ้มกันเราจากคนยุคนี้ไปตลอดกาล
คนชั่วเหิมเกริมอย่างเสรี
    ขณะเดียวกับที่ความน่าทุเรศเป็นที่ยกย่องในบรรดาบุตรของมนุษย์

คงความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า แม้ในยามเผชิญกับสิ่งใดๆ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

นานเพียงไร โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะลืมข้าพเจ้าไปตลอดกาลหรือ
    พระองค์จะซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้านานเพียงไร
ข้าพเจ้าต้องทนต่อความเจ็บปวดฝ่ายจิตวิญญาณ
    และเศร้าใจทุกวันไปนานเพียงไร
    ศัตรูของข้าพเจ้าจะถูกยกย่องเกินกว่าข้าพเจ้านานเพียงไร

ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยตอบคำถาม
    ให้ข้าพเจ้าหูตาสว่าง มิฉะนั้นข้าพเจ้าจะหลับอยู่ในความตาย
เกรงว่าศัตรูจะพูดว่า “เรามีชัยชนะเหนือเขาแล้ว”
    และพวกปรปักษ์ก็จะยินดีเมื่อข้าพเจ้าหวั่นไหว

แต่ข้าพเจ้าไว้วางใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
    และใจข้าพเจ้าจะยินดีที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์ดีต่อข้าพเจ้ายิ่งนัก

คนโง่ถูกตัดสินโทษ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

คนโง่เขลาคิดอยู่ในใจว่า
    “พระเจ้าไม่มีจริง”
พวกเขาไร้ศีลธรรม และทำสิ่งที่น่าขยะแขยง
    ไม่มีผู้ใดกระทำความดี

พระผู้เป็นเจ้ามองลงมาจากสวรรค์ ดูว่า
    มีใครสักคนในบรรดาบุตรของมนุษย์
    ที่เข้าใจและแสวงหาพระเจ้า
ทุกคนหลงผิดไป เขากลายเป็นคนไร้ศีลธรรมกันไปหมด
    ไม่มีผู้ใดกระทำความดี
    ไม่มีแม้แต่คนเดียว[q]

พวกที่ทำความชั่วไม่เข้าใจหรือ

พวกเขากินชนชาติของเราเหมือนกินขนมปัง
    และไม่ร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
นั่นแหละ พวกเขาก็จะหวาดหวั่นยิ่งนัก
    เพราะพระเจ้าสถิตกับบรรดาผู้มีความชอบธรรม
พวกเจ้าทำให้แผนการของผู้อ่อนกำลังไม่ราบรื่น
    แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งของเขา

ขอให้ความรอดพ้นของอิสราเอลมาจากศิโยน
    เวลาที่พระผู้เป็นเจ้าทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของชนชาติของพระองค์คืนสู่สภาพเดิม
    ยาโคบจะชื่นชมยินดี อิสราเอลจะร่าเริงใจ

ใครบ้างจะอยู่ในที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าได้

เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ใครบ้างจะอยู่ในกระโจมที่พำนักของพระองค์ได้
    ใครบ้างจะอาศัยอยู่บนภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ได้

คนที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากข้อตำหนิใดๆ
    เป็นคนที่ประพฤติด้วยความชอบธรรม
    และพูดความจริงด้วยความจริงใจ
เป็นคนไม่ใช้ลิ้นกล่าวว่าร้าย
    หรือกระทำสิ่งชั่วร้ายต่อเพื่อนของตน
    และไม่ติเตียนเพื่อนบ้าน
เป็นผู้เหยียดหยามคนชั่ว
    แต่ให้เกียรติคนที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    รักษาคำสาบานแม้จะเจ็บปวด
ให้คนยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย
    ไม่รับสินบนต่อต้านผู้ไร้ความผิด

คนที่กระทำตามนี้จะมั่นคงเสมอ

อธิษฐานและวางใจในพระเจ้า

มิคทาม[r]ของดาวิด

โอ พระเจ้า ช่วยปกป้องข้าพเจ้าด้วย
    เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
    นอกเหนือจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่นับว่าดีอีกเลย”
สำหรับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก
    ข้าพเจ้าชื่นชมในตัวพวกเขาผู้เป็นเลิศ
ส่วนพวกที่ติดตามเทพเจ้าก็มีแต่ความเศร้ามากขึ้น
    ข้าพเจ้าจะไม่เทเครื่องบูชาซึ่งเป็นโลหิตของเขา
    หรือแม้แต่ชื่อเทพเจ้าก็จะไม่หลุดจากริมฝีปากของข้าพเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้พระพรแก่ข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
    และทำให้ข้าพเจ้ามั่นคง
เส้นแบ่งเขตแดนที่ตกเป็นของข้าพเจ้าเป็นที่น่าพอใจมาก
    ข้าพเจ้าได้รับมรดกอันดีเลิศด้วย
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ให้คำแนะนำแก่ข้าพเจ้า
    แม้ในยามค่ำคืนก็ช่วยดลใจข้าพเจ้า
ข้าพเจ้านึกถึงพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่ตั้งเสมอ
    ด้วยว่าพระองค์อยู่ทางขวามือของข้าพเจ้า
    จึงไม่มีผู้ใดทำให้ข้าพเจ้าหวั่นไหวได้

ฉะนั้น ใจของข้าพเจ้าแสนจะโสมนัส และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี
    ร่างกายของข้าพเจ้าก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัย
10 เพราะพระองค์จะไม่ละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนคนตาย
    และจะไม่ปล่อยให้องค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป[s]
11 พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าทราบถึงวิถีทางแห่งชีวิต
    และจะโปรดให้ข้าพเจ้าปิติอย่างมากล้น ณ เบื้องหน้าพระองค์[t]
    และยินดีชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องขวาของพระองค์

ดาวิดอธิษฐานให้พระเจ้าช่วยจากภัยของศัตรู

คำอธิษฐานของดาวิด

พระผู้เป็นเจ้าโปรดฟังคำอ้อนวอนอันชอบธรรม เงี่ยหูฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    ซึ่งเป็นคำที่ไม่ได้หลุดจากริมฝีปากมดเท็จ
ขอการตัดสินนี้มาจากพระองค์
    และขอพระองค์ได้เห็นความถูกต้อง

พระองค์ได้ทดสอบข้าพเจ้าแล้ว
    พระองค์ได้มาหาในยามค่ำ พระองค์สำรวจข้าพเจ้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
    ข้าพเจ้าตั้งใจแล้วว่าปากของข้าพเจ้าจะไม่ทำบาป
ในเรื่องความประพฤติของมนุษย์
    ข้าพเจ้าไม่ได้เดินในหนทางของโจร
    แต่ทำตามคำพูดจากริมฝีปากของพระองค์
ข้าพเจ้าก้าวไปในหนทางของพระองค์
    และเท้าก็ไม่พลาดพลั้ง

โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์เพราะพระองค์ตอบข้าพเจ้า
    เงี่ยหูของพระองค์และสดับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดแสดงความรักอันมั่นคงและวิเศษสุดของพระองค์
    พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือของบรรดาผู้หวังเอาพระองค์เป็นที่พึ่งให้มีทางรอดจากศัตรู
    ด้วยมือขวาของพระองค์
พระองค์คุ้มครองข้าพเจ้าดั่งแก้วตาของพระองค์
    ให้ข้าพเจ้าได้หลบซ่อนภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
จากพวกคนชั่วที่มุ่งทำลายข้าพเจ้า
    จากศัตรูร้ายกาจที่ประชิดตัวข้าพเจ้า

10 พวกเขาปิดหัวใจที่แข็งกระด้าง
    เปิดปากพูดด้วยความยโสโอหัง
11 เขาตามหาข้าพเจ้าจนพบ และบัดนี้ก็ได้ล้อมข้าพเจ้าไว้
    หมายจะเหยียบให้ติดดิน
12 เขาเป็นเหมือนสิงโตที่พร้อมจะขย้ำ
    และเหมือนกับสิงโตหนุ่มซึ่งหมอบซุ่มอยู่

13 โอ พระผู้เป็นเจ้า ลุกขึ้นเถิดประจันหน้าเขา ทำให้เขาพ่ายแพ้
    ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากคนชั่วด้วยดาบของพระองค์
14 โอ พระผู้เป็นเจ้า ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากมนุษย์
    จากมนุษย์ในโลก ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนในชีวิตนี้
พระองค์บรรเทาความหิวของผู้ที่พระองค์ทะนุถนอม
    ลูกๆ ของพวกเขาก็มีกินมีใช้อย่างอุดมสมบูรณ์
    และสะสมความมั่งมีไว้ให้ลูกๆ ของตน

15 ส่วนข้าพเจ้าก็จะเห็นหน้าพระองค์ในความชอบธรรม
    เวลาข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะพอใจยิ่งนักเมื่อได้อยู่ต่อหน้าพระองค์

ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าในชัยชนะ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านกล่าวกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเนื้อร้องในบทเพลงนี้ ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าช่วยท่านให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูและจากซาอูล ท่านกล่าวว่า

ข้าพเจ้ารักพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า พละกำลังของข้าพเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าเป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า และเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัย
    พระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นศิลาของข้าพเจ้าที่อาศัยพักพิงได้
    พระองค์เป็นโล่ป้องกันและเขา[u]แห่งความรอดพ้น เป็นหลักยึดอันมั่นคงของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า ผู้สมควรแก่การสรรเสริญ
    และข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า
สายรัดแห่งความตายพันรอบตัวข้าพเจ้า
    กระแสน้ำแห่งความพินาศท่วมท้นเกินทน
สายรัดแห่งแดนคนตายขดรอบตัวข้าพเจ้า
    กับดักแห่งความตายเผชิญหน้าข้าพเจ้า

ในห้วงแห่งความทุกข์ยากข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
    เสียงร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงหูของพระองค์
แผ่นดินสั่นสะเทือน
    และฐานรากของภูเขาโยกคลอน
    และสั่นไหวได้เพราะพระองค์โกรธ
ควันพลุ่งจากช่องจมูกของพระองค์
    และไฟเผาผลาญออกจากปากของพระองค์
    ถ่านลุกโพลงขึ้นเป็นเปลวไฟโชติช่วงจากพระองค์
พระองค์เบิกสวรรค์ลงมา
    เมฆดำอยู่ใต้เท้าพระองค์
10 พระองค์ขึ้นนั่งบนตัวเครูบ[v]แล้วโผบิน
    พระองค์ล่องไปกับสายลมอย่างรวดเร็ว
11 พระองค์ใช้ความมืดกำบังดั่งปะรำปกโดยรอบพระองค์
    เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้า
12 ณ เบื้องหน้าพระองค์ มีแสงสว่างเจิดจ้า
    เมฆหนาทึบของพระองค์ลอยล่องไป ถ่านลุกโพลงขึ้นเป็นเปลวไฟ
13 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าเปล่งเสียงเป็นฟ้าร้องในสวรรค์
    องค์ผู้สูงสุดเปล่งเสียงเป็นลูกเห็บหินกับถ่านลุกเป็นไฟ
14 พระองค์ยิงลูกธนู และทำให้ศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
    พระองค์ทำให้เกิดฟ้าแลบ และพวกเขาก็เตลิดเปิดเปิงไป
15 โอ พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์บอกห้าม
    เมื่อลมหายใจพ่นออกจากจมูกของพระองค์
น้ำในทะเลก็เปิดออกจนเห็นก้นบึ้งแห่งท้องทะเล
    และฐานรากของแผ่นดินโลกโล่งโถง

16 พระองค์เอื้อมลงจากที่สูงคว้าตัวข้าพเจ้าไว้ได้
    แล้วพระองค์ก็ดึงตัวข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
17 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้มีอำนาจยิ่ง
    และจากพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า ด้วยว่า เขามีกำลังเกินกว่าข้าพเจ้า
18 เขาเหล่านั้นประจันหน้าข้าพเจ้าในยามวิบัติ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นหลักค้ำจุนของข้าพเจ้า
19 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากบ่วงอันตราย
    พระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าไว้ก็เพราะพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้า

20 พระผู้เป็นเจ้ากระทำต่อข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้รางวัลข้าพเจ้าตามความสะอาดของมือข้าพเจ้า
21 ด้วยว่า ข้าพเจ้าเดินตามทางของพระผู้เป็นเจ้า
    และไม่ได้ทำความชั่วโดยหันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
22 ข้าพเจ้านึกถึงคำบัญชาของพระองค์เป็นที่ตั้ง
    ข้าพเจ้าไม่ได้เพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของพระองค์
23 ข้าพเจ้าปราศจากข้อตำหนิใดๆ ณ เบื้องหน้าพระองค์
    และข้าพเจ้าระวังไม่กระทำบาป
24 พระผู้เป็นเจ้าได้ให้รางวัลข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
    ตามความบริสุทธิ์ของมือข้าพเจ้าต่อหน้าพระองค์

25 พระองค์แสดงความรักอันมั่นคงต่อคนที่มีความภักดี
    พระองค์แสดงความไร้ข้อตำหนิของพระองค์ต่อคนที่ไร้ข้อตำหนิ
26 พระองค์แสดงความบริสุทธิ์ของพระองค์ต่อคนบริสุทธิ์
    และพระองค์แสดงต่อคนคดโกงอย่างปราดเปรื่อง
27 ด้วยว่า พระองค์ช่วยคนถ่อมตัวให้รอดพ้น
    และพระองค์ทำให้คนใจยโสเจียมตัว
28 โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์ทำให้ตะเกียงของข้าพเจ้าสว่าง
    พระเจ้าของข้าพเจ้าทำให้ความมืดของข้าพเจ้าสว่างไสว
29 ข้าพเจ้าเหยียบย่ำกองทัพได้ก็ด้วยพระองค์
    ข้าพเจ้าข้ามกำแพงได้ก็ด้วยพระเจ้า

30 พระเจ้านี้แหละ วิถีทางของพระองค์บริบูรณ์ทุกประการ
    คำพูดของพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์
    พระองค์เป็นโล่ป้องกันสำหรับทุกคนที่แสวงหาพระองค์เป็นที่พึ่ง
31 ใครเล่าคือพระเจ้านอกเหนือจากพระผู้เป็นเจ้า
    และใครคือศิลานอกเหนือจากพระเจ้าของเรา
32 พระเจ้าช่วยให้ข้าพเจ้าพรั่งพร้อมด้วยกำลัง
    และทำให้วิถีทางของข้าพเจ้าบริบูรณ์ทุกประการ
33 พระองค์ทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นดั่งเท้ากวาง
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายืนในที่สูงได้
34 พระองค์ฝึกมือข้าพเจ้าให้พร้อมเพื่อการสงคราม
    เพื่อแขนข้าพเจ้าจะได้น้าวคันธนูทองสัมฤทธิ์
35 และพระองค์ให้โล่แห่งความรอดพ้นแก่ข้าพเจ้า
    มือขวาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ได้
    และความช่วยเหลือของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งใหญ่
36 พระองค์ทำให้ทางเดินที่ข้าพเจ้าเหยียบก้าวไปกว้างขึ้น
    เพื่อเท้าของข้าพเจ้าจะไม่ลื่นล้ม

37 ข้าพเจ้าไล่ล่าศัตรูและจับตัวพวกเขาไว้ได้
    ข้าพเจ้าไม่ได้หวนกลับจนกระทั่งศัตรูพินาศไป
38 ข้าพเจ้าทำให้เขาทรุดตัวลงจนลุกไม่ขึ้น
    เขาล้มลงอยู่ใต้เท้าของข้าพเจ้า
39 และพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าพรั่งพร้อมด้วยกำลังเพื่อศึกสงคราม
    พระองค์ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจมอยู่เบื้องล่าง
40 พระองค์ทำให้ศัตรูหันหลังหนีไปจากข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าทำให้คนที่เกลียดชังข้าพเจ้าพินาศ
41 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยชีวิตไว้ได้
    เขาร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ตอบ
42 ข้าพเจ้าเหยียบขยี้พวกเขาจนแหลกละเอียดเป็นผงธุลีไปกับสายลม
    ข้าพเจ้าสาดพวกเขาทิ้งไปที่ถนนดั่งโคลนตม
43 พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากการโต้แย้งของชนชาติ
    พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ
ชนชาติที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักก็รับใช้ข้าพเจ้า
44     ทันทีที่พวกเขาได้ยินข้าพเจ้า เขาก็เชื่อฟัง
    ชนต่างชาติยอมสยบต่อหน้าข้าพเจ้า
45 คนแปลกหน้าใจเสีย
    และตัวสั่นเทาออกมาจากป้อมปราการของเขา

46 พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ ให้ศิลาของข้าพเจ้าได้รับการสรรเสริญเถิด
    และให้พระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้าได้รับการยกย่องเถิด
47 พระองค์เป็นพระเจ้าผู้แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
    และทำให้บรรดาชนชาติยอมจำนนอยู่ใต้ข้าพเจ้า
48     พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรู
พระองค์ยกข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าศึก
    พระองค์ให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากคนปองร้าย
49 ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

50 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์
    และแสดงความรักอันมั่นคงแก่ผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
    แก่ดาวิดและผู้สืบเชื้อสายของท่านชั่วนิรันดร์กาล

สิ่งที่พระเจ้าสร้าง และกฎบัญญัติที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

ฟ้าสวรรค์กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
    และแผ่นฟ้าป่าวประกาศถึงสรรพสิ่งที่พระองค์สร้าง
วันแล้ววันเล่าสรรพสิ่งเหล่านั้นกล่าวให้รู้กัน
    คืนแล้วคืนเล่าก็แสดงให้เห็นเป็นความรู้
ไม่มีหนใดที่มีภาษาและการพูดจา
    แล้วจะไม่ได้ยินเสียงของสรรพสิ่งเหล่านั้น
เสียงของสิ่งเหล่านั้นได้กระจายออกไปทั่วแหล่งหล้า
    และคำประกาศได้แผ่กระจายไปจนสุดขอบโลก[w]
พระองค์ตั้งกระโจมให้ดวงอาทิตย์บนฟ้า
    ซึ่งเป็นเสมือนเจ้าบ่าวกำลังออกมาจากพลับพลา
    ดั่งผู้มีพละกำลังมหาศาลวิ่งไปตามที่กำหนดไว้ด้วยความยินดี
และขึ้นจากมุมหนึ่งของฟ้าสวรรค์
    และโคจรไปสู่อีกฟากหนึ่ง
    โดยไม่มีส่วนใดหลบเร้นจากความร้อนได้

กฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าบริบูรณ์ทุกประการ
    ทำให้จิตวิญญาณฟื้นขึ้นได้
คำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าไว้วางใจได้ว่า
    จะทำให้คนเขลากลับกลายเป็นผู้เรืองปัญญา
ข้อบังคับของพระผู้เป็นเจ้าถูกต้อง
    ทำให้ใจยินดี
คำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าแจ่มชัด
    ทำให้ตาสว่าง
ความเกรงกลัวที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์
    และยั่งยืนตลอดกาล
คำบัญชาที่พระผู้เป็นเจ้าประกาศเป็นความจริง
    และเป็นที่ชอบธรรมโดยสิ้นเชิง

10 เป็นที่พึงปรารถนายิ่งกว่าทองคำ
    แม้จะเป็นทองคำแท้อันบริสุทธิ์ก็ตามที
ความหวานนั้นยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
    หวานยิ่งกว่าหยดน้ำผึ้งจากรวง
11 ผู้รับใช้ของพระองค์ถูกเตือนแล้วว่า
    เวลากระทำตามข้อควรปฏิบัติจะได้รับผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่
12 แต่ใครจะหยั่งรู้ความผิดของตนได้
    โปรดให้อภัยความผิดของข้าพเจ้าที่ถูกซ่อนไว้
13 โปรดยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากบาปที่เกิดขึ้นโดยเจตนา
    อย่าให้บาปพวกนั้นมีอำนาจเหนือข้าพเจ้าเลย
แล้วข้าพเจ้าจะไร้ข้อตำหนิ
    และพ้นจากข้อกล่าวหาในความผิดหลายประการ

14 ขอให้คำพูดจากปากข้าพเจ้า และการใคร่ครวญจากใจ
    เป็นที่ยอมรับของพระองค์
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ศิลาของข้าพเจ้า และองค์ผู้ไถ่ข้าพเจ้าให้รอดพ้น

อธิษฐานให้กษัตริย์ในยามสงคราม

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

ขอให้พระผู้เป็นเจ้าตอบท่านในยามลำบาก
    ขอให้พระนามของพระเจ้าของยาโคบ[x]ปกป้องท่าน
ขอให้พระองค์ส่งความช่วยเหลือจากสถานที่บริสุทธิ์
    และให้การค้ำจุนจากศิโยน
ขอให้พระองค์ระลึกถึงเครื่องสักการะบูชาทั้งปวงของท่าน
    และรับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของท่านไว้ เซล่าห์
สิ่งใดที่ใจท่านปรารถนา ก็ขอให้ได้รับจากพระองค์
    และให้แผนการของท่านสำเร็จลุล่วงทุกประการ
พวกเราจะส่งเสียงร้องด้วยความยินดีในยามที่ท่านมีชัยชนะ
    และจะยกธงชัยของเราขึ้นในพระนามของพระเจ้าของเรา

ทุกสิ่งที่ท่านขอจากพระผู้เป็นเจ้า ก็ขอให้ท่านได้รับ

ในบัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่า
    พระผู้เป็นเจ้าช่วยผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
พระองค์จะตอบจากสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระองค์
    ด้วยการกระทำอันยิ่งใหญ่ ด้วยมือขวาของพระองค์
บางคนโอ้อวดในเรื่องรถศึก บ้างก็อวดเรื่องม้า
    แต่เราโอ้อวดพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
พวกเขาจะทรุดตัวและล้มลง
    ส่วนพวกเราจะลุกขึ้นและมั่นคง
โอ พระผู้เป็นเจ้า ช่วยกษัตริย์ให้รอดพ้นด้วย
    โปรดตอบในยามที่พวกเราร้องเรียกถึงพระองค์

ขอบคุณในชัยชนะของกษัตริย์

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ยินดีในพละกำลังของพระองค์
    ความยินดีของท่านมีมากเพียงไรในชัยชนะที่พระองค์มอบให้

สิ่งใดที่ใจท่านปรารถนา พระองค์ก็ให้ท่าน
    และไม่ได้ยับยั้งคำร้องขอจากปากของท่าน เซล่าห์
เพราะว่าพระองค์ตอบรับท่านด้วยพรอันประเสริฐ
    และสวมมงกุฎทองคำบริสุทธิ์ไว้บนศีรษะของท่าน
ท่านขอชีวิตจากพระองค์
    พระองค์ก็ให้วันอันยืนยาวจนชั่วกัปชั่วกัลป์
บารมีของท่านยิ่งใหญ่ ก็ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์
    พระองค์อวยพรท่านด้วยสง่าราศีและความยิ่งใหญ่
พระองค์ให้พรท่านตลอดกาล
    และทำให้ท่านโสมนัสด้วยความยินดีที่พระองค์อยู่ด้วย
เพราะว่ากษัตริย์ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า
    และด้วยความรักอันมั่นคงขององค์ผู้สูงสุด
    ท่านจะไม่หวั่นไหว

พระองค์จะปราบศัตรูของพระองค์ทุกคนด้วยมือของพระองค์เอง
    มือขวาของพระองค์จะยื่นไปถึงพวกที่เกลียดชังพระองค์
พระองค์จะทำให้พวกเขาเป็นเหมือนเตาผิงร้อนดั่งไฟ
    ในเวลาที่พระองค์ปรากฏ
พระผู้เป็นเจ้าจะกลืนพวกเขาขณะที่พระองค์กริ้ว
    และเปลวไฟจะลุกไหม้กำจัดเขาเสียสิ้น
10 พระองค์จะทำลายบรรดาผู้สืบตระกูลของเขาไปเสียจากโลก
    และบรรดาลูกหลานไปจากพวกบุตรของมนุษย์
11 หากว่าพวกเขาวางแผนอันชั่วร้ายต่อต้านพระองค์
    และเตรียมการก่อความเดือดร้อน พวกเขาก็จะทำไม่สำเร็จ
12 เพราะพระองค์จะทำให้พวกเขาหนีเตลิดเปิดเปิงไป
    พระองค์จะน้าวคันธนูตรงไปยังใบหน้าพวกเขา

13 พระผู้เป็นเจ้า ขอให้พระองค์ได้รับการยกย่องในพละกำลังของพระองค์เถิด
    พวกเราจะร้องเพลง และสรรเสริญฤทธานุภาพของพระองค์

เอลี เอลี ลามาสะบักธานี

ถึงหัวหน้าวงดนตรี โน้ตเพลงกวาง ในยามย่ำรุ่ง เพลงสดุดีของดาวิด

พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพเจ้า[y]
    ทำไมพระองค์จึงอยู่ห่างไกลเกินที่จะช่วยข้าพเจ้า
    ไม่ได้ยินแม้แต่คำคร่ำครวญของข้าพเจ้า
โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องไห้ในเวลากลางวัน แต่พระองค์ไม่ตอบ
    และในช่วงเวลากลางคืนข้าพเจ้าก็หาได้พักไม่

แต่พระองค์ยังคงความเป็นผู้บริสุทธิ์
    เป็นที่สรรเสริญของอิสราเอล
บรรพบุรุษของเราไว้วางใจในพระองค์
    ท่านเหล่านั้นไว้วางใจ และพระองค์ช่วยให้รอดพ้น
ท่านร้องถึงพระองค์ และได้รับความรอดพ้น
    ท่านไว้วางใจในพระองค์ และไม่ได้รับความอับอาย

แต่ข้าพเจ้าเป็นหนอนตัวหนึ่งซึ่งไม่ใช่มนุษย์
    ถูกผู้คนดูหมิ่นและรังเกียจ
ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้าก็ล้อเลียน
    พวกเขาเยาะเย้ยข้าพเจ้า พลางสั่นหัวกันไปมา[z] พูดว่า
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าเถิด ให้พระองค์ช่วยเขาให้รอดพ้น
    ปล่อยให้พระองค์ช่วยผู้ที่พระองค์ยินดี”

พระองค์เป็นผู้ที่นำข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์
    พระองค์ให้ความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าในอ้อมอกแม่
10 นับแต่เกิดมา ข้าพเจ้าถูกมอบให้กับพระองค์
    พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้ามาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่ออกจากครรภ์มารดา
11 อย่าอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    เพราะว่าความลำบากอยู่ใกล้
    และไม่มีใครคอยช่วย

12 มีศัตรูประดุจโคหนุ่มจำนวนมากล้อมอยู่รอบกายข้าพเจ้า
    โคหนุ่มของบาชาน[aa] พวกนี้มีกำลังมหาศาลตีวงเข้าล้อมข้าพเจ้า
13 พวกมันอ้าปากกว้างเข้าใส่ข้าพเจ้าประดุจสิงโตคำราม
    และเขมือบอย่างตะกละตะกราม
14 เรี่ยวแรงข้าพเจ้าถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น
    และกระดูกทุกท่อนหลุดจากข้อต่อ
หัวใจข้าพเจ้าเป็นดั่งขี้ผึ้ง
    ที่หลอมละลายอยู่ในทรวงอก
15 ปากคอข้าพเจ้าแห้งผากดั่งเศษกระเบื้องดินเผา
    ลิ้นผนึกกับขากรรไกร
    พระองค์วางตัวข้าพเจ้าลงบนผงธุลีแห่งความตาย

16 พวกสุนัขอยู่ล้อมรอบข้าพเจ้า
    กลุ่มคนชั่วรายล้อมข้าพเจ้าไว้
    พวกเขาตรึงมือและเท้าข้าพเจ้า
17 ข้าพเจ้านับจำนวนกระดูกของข้าพเจ้าได้ทุกท่อน
    ผู้คนพินิจดูข้าพเจ้า และสมน้ำหน้า
18 พวกเขาแบ่งปันเสื้อตัวนอกของข้าพเจ้าในหมู่พวกเขา
    แล้วเขาจับฉลากเอาเสื้อตัวในของข้าพเจ้าไป[ab]

19 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์อย่าออกห่างไปไกลเลย
    ผู้ช่วยเหลือของข้าพเจ้า โปรดรีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
20 ช่วยชีวิตของข้าพเจ้าให้พ้นจากคมดาบ
    ชีวิตอันมีค่าของข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือสุนัข
21 ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากปากสิงโตด้วยเถิด
    พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเขากระทิง

22 ข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงพระนามของพระองค์แก่เหล่าพี่น้องของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางที่ประชุม[ac]
23 บรรดาท่านที่มีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระองค์
    ผู้สืบตระกูลของยาโคบทุกคน จงถวายเกียรติแด่พระองค์
    ผู้สืบตระกูลของอิสราเอล จงยกย่องพระองค์
24 เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ดูหมิ่นหรือชิงชังความทุกข์ของผู้ได้รับทุกข์ทรมาน
    พระองค์ไม่ได้ซ่อนหน้าจากเขา
    แต่ได้ยินในยามที่เขาร้องเรียกถึงพระองค์

25 คำสรรเสริญของข้าพเจ้าในที่ประชุมใหญ่มาจากพระองค์
    ข้าพเจ้าจะทำตามคำสัญญาต่อหน้าบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
26 คนยากไร้จะมีกินและอิ่มหนำ
    บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
    ขอให้พวกท่านมีชีวิตที่สุขสบายอยู่เป็นนิจ

27 ทั่วแหล่งหล้าจะรำลึกได้
    และหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า
แล้วทุกครอบครัวของบรรดาประชาชาติ
    จะก้มลงกราบพระองค์
28 ด้วยว่าการปกครองเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์ปกครองบรรดาประชาชาติ

29 คนหยิ่งยโสในโลกจะรับประทานและก้มกราบ ณ เบื้องหน้าพระองค์
    ทุกคนที่ต้องจบชีวิตกลายเป็นผงธุลีจะคุกเข่าลงต่อหน้าพระองค์
    รวมถึงคนที่ไม่อาจรักษาชีวิตของตนไว้ได้
30 ผู้สืบตระกูลจะรับใช้พระองค์
    ผู้คนจะพูดถึงพระผู้เป็นเจ้าในยุคต่อๆ ไป
31 พวกเขาจะมาและประกาศถึงความชอบธรรมของพระองค์
    แก่ผู้คนที่จะเกิดมาภายหลังว่า
    พระองค์ได้กระทำสิ่งเหล่านี้

สรรเสริญผู้เลี้ยงดูฝูงแกะแสนประเสริฐ

เพลงสดุดีของดาวิด

พระผู้เป็นเจ้าดูแลข้าพเจ้าดั่งผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ต้องการสิ่งอื่นใด
    พระองค์ให้ข้าพเจ้านอนในทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม
พระองค์นำข้าพเจ้าไปอยู่ข้างๆ ธารน้ำนิ่ง
    พระองค์โปรดให้จิตวิญญาณของข้าพเจ้าฟื้นขึ้น
พระองค์นำข้าพเจ้าไปในทางอันชอบธรรม
    เพื่อพระนามของพระองค์
แม้ข้าพเจ้าจะเดินผ่านเข้าไป
    ในเงามืดมนของหุบเขา
ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวความเลวร้ายใดๆ
    ด้วยว่า พระองค์สถิตกับข้าพเจ้า
ตะบองและไม้เท้าของพระองค์
    ทำให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ

พระองค์เตรียมสำรับไว้พร้อมสำหรับข้าพเจ้า
    ต่อหน้าพวกศัตรู
พระองค์ชโลมน้ำมันบนศีรษะของข้าพเจ้า
    ถ้วยของข้าพเจ้าล้นไหล
ทั้งสิ่งดีงามและความเมตตาจะอยู่กับข้าพเจ้าเสมอไป
    จนชั่วชีวิตอย่างแน่นอน
และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระตำหนัก
    ของพระผู้เป็นเจ้าไปตลอดกาล

เพลงสรรเสริญแด่กษัตริย์แห่งพระบารมี

เพลงสดุดีของดาวิด

ทั้งโลกและทุกสิ่งในโลกเป็นของพระผู้เป็นเจ้า[ad]
    คือโลกและบรรดาผู้อาศัยอยู่ในนั้น
เพราะพระองค์ได้วางฐานรากของแผ่นดินโลกไว้บนทะเล
    และสร้างไว้บนแม่น้ำ

ใครจะขึ้นไปบนภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
    และใครจะยืนในสถานที่อันบริสุทธิ์ของพระองค์
คือคนที่มือสะอาดและใจบริสุทธิ์
    คนที่ไม่มอบชีวิตให้กับสิ่งเท็จ
    และไม่หลอกลวงในยามที่ให้คำมั่นสัญญา

เขาจะได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้า
    และรับการตัดสินให้พ้นผิดจากพระเจ้าแห่งความรอดพ้นของเขา
นี่คือยุคสมัยของบรรดาผู้แสวงหาพระองค์
    ซึ่งแสวงหาพระเจ้าของยาโคบ เซล่าห์

ประตูกำแพงเอ๋ย เงยหัวขึ้นเถิด
    ประตูอันยั่งยืนตลอดกาล เปิดขึ้นเถิด
    แล้วกษัตริย์แห่งพระบารมีจะได้เข้ามา
กษัตริย์แห่งพระบารมีผู้นี้คือใคร
    พระผู้เป็นเจ้าผู้มีพละกำลังและอานุภาพ
    พระผู้เป็นเจ้าผู้มีอานุภาพในการสงคราม
ประตูกำแพงเอ๋ย เงยหัวขึ้นเถิด
    ประตูอันยั่งยืนตลอดกาล จงเปิดออกเถิด
    แล้วกษัตริย์แห่งพระบารมีจะได้เข้ามา
10 กษัตริย์แห่งพระบารมีผู้นี้คือใคร
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    พระองค์คือกษัตริย์แห่งพระบารมี เซล่าห์

คำอธิษฐานขอให้คุ้มครองและชี้ทาง

ของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์

ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า
    อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าได้รับความอับอาย
    หรือปล่อยให้ศัตรูมีชัยเหนือข้าพเจ้า
อย่าปล่อยให้คนที่เฝ้ารอคอยพระองค์ได้รับความอับอาย
    แต่คนที่จะได้รับความอับอายคือ คนที่ทรยศโดยไร้สาเหตุ

พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้ล่วงรู้แนวทางของพระองค์
    ขอสอนวิถีทางของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
โปรดนำข้าพเจ้าเพื่อให้ทราบถึงความจริงของพระองค์ และสอนข้าพเจ้า
    เพราะพระองค์คือพระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้ามีความหวังในพระองค์ตลอดวันเวลา
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกถึงความเมตตาและความรักอันมั่นคงของพระองค์
    อันมีมาเนิ่นนานแล้วด้วยเถิด
ขอพระองค์อย่าจดจำบาปที่ข้าพเจ้ากระทำครั้งยังหนุ่ม
    หรือสิ่งที่ข้าพเจ้าล่วงละเมิด
ขอพระองค์ระลึกถึงข้าพเจ้าตามความรักอันมั่นคงของพระองค์เถิด
    โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ประเสริฐ

พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐและมีความชอบธรรม
    ฉะนั้นพระองค์สั่งสอนคนบาปให้ดำเนินตามวิถีทาง
พระองค์นำคนถ่อมตัวไปในทางอันถูกต้อง
    และสั่งสอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเขา
10 บรรดาผู้ปฏิบัติตามพันธสัญญาและคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า
    จะได้สัมผัสกับความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริง
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า แม้ความชั่วของข้าพเจ้าจะใหญ่หลวงนัก
    ขอได้โปรดให้อภัยเพื่อพระนามของพระองค์

12 ผู้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือใคร
    ก็คือคนที่พระองค์จะสอนวิถีทางซึ่งเขาควรจะเลือกไว้
13 เขาจะใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์
    และบรรดาผู้สืบตระกูลของเขาจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
14 พระผู้เป็นเจ้าให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัวกับคนที่เกรงกลัวพระองค์
    และทำให้เขารู้แจ้งถึงพันธสัญญาของพระองค์
15 ข้าพเจ้าทอดสายตาไปทางพระผู้เป็นเจ้าเสมอ
    เพราะพระองค์จะช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าหลุดออกจากตาข่าย

16 โปรดมองดูข้าพเจ้าและกรุณาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะว่าข้าพเจ้ารู้สึกเดียวดายและเป็นทุกข์
17 ช่วยบรรเทาความทุกข์ในจิตใจข้าพเจ้า
    และให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากความเจ็บปวดรวดร้าว
18 โปรดมองดูความทุกข์ทรมานตลอดจนความทุกข์ยากของข้าพเจ้า
    และยกโทษบาปทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากระทำไว้
19 ดูเถิดว่าศัตรูข้าพเจ้ามีมากเพียงไร
    และพวกเขาเกลียดชังข้าพเจ้าเข้ากระดูกดำ

20 ได้โปรดปกป้องชีวิตข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
    อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
    เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
21 ขอให้สัจจะและความชอบธรรมปกป้องข้าพเจ้า
    ด้วยว่าข้าพเจ้ารอคอยพระองค์

22 โอ พระเจ้า โปรดไถ่อิสราเอล
    จากความทุกข์ยากทั้งปวงเถิด

ประกาศถึงความชอบธรรม และวิงวอนขอความยุติธรรม

ของดาวิด

โปรดพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าไม่ผิด โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่าข้าพเจ้ายึดเอาสัจจะเป็นทางดำเนินชีวิต
    และข้าพเจ้าไม่ลังเลที่จะวางใจในพระผู้เป็นเจ้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า ตรวจสอบข้าพเจ้า และพิสูจน์ใจข้าพเจ้าเถิด
    ทดสอบจิตใจและความคิดของข้าพเจ้า
ด้วยว่าข้าพเจ้าเห็นความรักอันมั่นคงของพระองค์
    และดำเนินชีวิตในความจริงของพระองค์

ข้าพเจ้าไม่นั่งมั่วสุมกับคนประพฤติชั่ว
    และไม่คบหาสมาคมกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
ข้าพเจ้าเกลียดพวกทำความชั่ว
    และจะไม่นั่งรวมอยู่กับคนเลว
ข้าพเจ้าล้างมือแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ
    และจะไปที่แท่นบูชาของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อจะส่งเสียงร้องขอบคุณ
    และบอกเล่าถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่พระองค์กระทำ

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารักพระตำหนักของพระองค์
    และสถานที่ที่พระบารมีของพระองค์ปรากฏอยู่
อย่ากำจัดชีวิตข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนบาป
    หรือกำจัดชีวิตข้าพเจ้าไปพร้อมกับคนกระหายเลือด
10 มือของเขากระทำการอันชั่วร้าย
    และมือขวารับสินบนเสมอไป
11 แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นคนที่ยึดเอาสัจจะเป็นทางดำเนินชีวิต
    โปรดไถ่ข้าพเจ้าและเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด

12 เท้าของข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่ราบ
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าในที่ประชุมใหญ่

ไว้วางใจและมั่นใจในพระผู้เป็นเจ้า

ของดาวิด

พระผู้เป็นเจ้าเป็นแสงสว่างและความรอดพ้นของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะกลัวใครเล่า
พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่หลบภัยของชีวิตข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะหวั่นกลัวผู้ใด

เวลาคนชั่วต่อต้านเพื่อทำร้าย
    ดั่งจะกลืนกินข้าพเจ้า
เวลาฝ่ายตรงข้ามและศัตรูโจมตีข้าพเจ้า
    พวกเขาจะพลาดและล้มลง
แม้จะมีกองทัพตีวงล้อมข้าพเจ้า
    ใจข้าพเจ้าก็ไม่หวาดหวั่น
แม้จะมีใครก่อศึกรุกรานข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าก็ยังจะมีความมั่นใจ

มีสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าวอนขอจาก
    พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา
คือขอให้ได้อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    ชั่วชีวิตของข้าพเจ้า
เพื่อทอดสายตาดูความงามสง่าของพระผู้เป็นเจ้า
    และใคร่ครวญอยู่ในพระวิหารของพระองค์
เพราะพระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้
    ในที่กำบังของพระองค์ในยามคับขัน
พระองค์จะช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยอยู่ในกระโจมของพระองค์[ae]
    และยกข้าพเจ้าไว้บนศิลาสูง

มาบัดนี้ศีรษะข้าพเจ้าจะถูกยก
    ให้สูงเหนือศัตรูรอบข้าง
และข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะโดยส่งเสียงร้องแสดงความยินดีในกระโจมของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและบรรเลงเพลงแด่พระผู้เป็นเจ้า

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังในยามข้าพเจ้าตะโกนร้อง
    โปรดเมตตาข้าพเจ้า และตอบข้าพเจ้า
ใจข้าพเจ้าบอกว่า “มาเถิด มาแสวงหาพระองค์เถิด”
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์
โปรดอย่าซ่อนหน้าของพระองค์ไปเสียจากข้าพเจ้าเลย
    ขออย่าผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ในเวลาที่พระองค์กริ้ว
    พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า
อย่าขับไล่ข้าพเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้า
    โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
10 ถึงแม้ว่าบิดามารดาทอดทิ้งข้าพเจ้าไป
    พระผู้เป็นเจ้าก็จะรับข้าพเจ้าไว้
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า สอนข้าพเจ้าให้รู้วิถีทางของพระองค์เถิด
    และนำข้าพเจ้าไปบนทางเรียบ เหตุเพราะศัตรู
12 อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม
    ด้วยว่า พวกพยานเท็จได้ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
    และทุกลมหายใจของเขาคือความโหดร้าย

13 ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเห็นความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า
    ในดินแดนของคนเป็น
14 จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า
    จงเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญ
    จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า

ร้องขอความช่วยเหลือและขอบคุณพระองค์

ของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ศิลาของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
    อย่าปฏิเสธที่จะฟังข้าพเจ้า
เพราะหากว่าพระองค์เฉยเมยต่อข้าพเจ้าแล้ว
    ข้าพเจ้าก็จะเป็นเหมือนคนที่ลงไปสู่หลุมลึกแห่งแดนคนตาย
โปรดฟังเสียงอ้อนวอนของข้าพเจ้า
    ในยามร้องขอความช่วยเหลือ
ขณะที่ข้าพเจ้ายกมือขึ้น
    สู่สถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์

อย่าลากตัวข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนเลว
    และหมู่คนชั่ว
ซึ่งได้แก่คนที่กล่าวถึงสันติภาพกับเพื่อนบ้านของตน
    ทั้งๆ ที่จิตใจเลวทราม
ให้เขาได้รับผลตามสิ่งที่เขาปฏิบัติ
    และการกระทำอันชั่วช้าของเขา
ให้เขาได้รับผลจากสิ่งที่มือของเขากระทำ
    ให้เขาได้รับคืนตามสิ่งที่เขาได้กระทำ

เพราะพวกเขาไม่ได้ใส่ใจการงานของพระผู้เป็นเจ้า
    หรืองานจากฝีมือของพระองค์
พระองค์จะทำให้พวกเขาล้มลง
    และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์ได้ยินเสียงอ้อนวอนของข้าพเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าเป็นพลังและเป็นโล่ของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์เป็นที่สุด
ดังนั้นเมื่อข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือ ใจข้าพเจ้าจะยินดียิ่ง
    และข้าพเจ้าขอขอบคุณพระองค์ด้วยบทเพลงของข้าพเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าเป็นพลังแก่คนของพระองค์
    และเป็นที่พึ่งพิงแห่งความรอดพ้นสำหรับผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
โอ โปรดช่วยชนชาติของพระองค์ให้รอดพ้น และอวยพรผู้สืบมรดกของพระองค์
    โปรดเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ และทะนุถนอมพวกเขาไปชั่วนิรันดร์กาล

เสียงของพระเจ้าในลมพายุ

เพลงสดุดีของดาวิด

โอ บรรดาบุตรของพระเจ้า จงป่าวร้องให้พระผู้เป็นเจ้าเถิด
    จงป่าวร้องว่า พระผู้เป็นเจ้าเพียบพร้อมด้วยพระบารมีและพลานุภาพ
จงป่าวร้องว่า พระนามของพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
    กราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์

เสียงพระผู้เป็นเจ้าก้องอยู่เหนือน้ำในทะเล
    พระเจ้าแห่งพระบารมีเปล่งเสียงเป็นฟ้าร้อง
    เสียงพระผู้เป็นเจ้าก้องอยู่เหนือน้ำในมหาสมุทร
เสียงพระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยฤทธานุภาพ
    เสียงพระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยความยิ่งใหญ่
เสียงพระผู้เป็นเจ้าสามารถหักต้นซีดาร์
    พระผู้เป็นเจ้าโค่นต้นซีดาร์แห่งเลบานอนลง[af]
พระองค์ทำให้ภูเขาเลบานอนลิงโลดราวกับลูกโคตัวผู้
    และภูเขาสีรีออนกระโดดดั่งกระทิงหนุ่ม[ag]
เสียงพระผู้เป็นเจ้าดังกระหึ่มออกไปดั่งเปลวไฟลุก
เสียงพระผู้เป็นเจ้าทำให้ถิ่นทุรกันดารสะเทือนเลื่อนลั่น
    พระผู้เป็นเจ้าทำให้ถิ่นทุรกันดารคาเดชสั่นไหว
เสียงพระผู้เป็นเจ้าทำให้ต้นโอ๊กหมุนคว้าง
    และทำให้ป่าไม้โล่งเตียน
และทุกคนร้องตะโกนในพระวิหารว่า “สรรเสริญพระเจ้า”

10 พระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์เมื่อน้ำท่วม
    พระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์ฐานะกษัตริย์ตลอดกาล
11 พระผู้เป็นเจ้ามอบพละกำลังแก่คนของพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้ามอบสันติสุขเป็นพระพรแก่คนของพระองค์

ขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

เพลงสดุดีของดาวิด เพลงเนื่องในโอกาสอุทิศพระวิหาร

ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่า พระองค์ได้ฉุดข้าพเจ้าขึ้นมา
    และไม่ได้ปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
    และพระองค์ก็ได้บำบัดรักษาข้าพเจ้าให้หาย
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้นำชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากแดนคนตาย
    และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตขึ้นใหม่จากหลุมลึกแห่งแดนคนตาย

ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย
    และขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
เพราะความกริ้วของพระองค์เป็นไปเพียงขณะเดียว
    แต่ความโปรดปรานย่อมเป็นไปชั่วชีวิต
การร่ำไห้อาจยาวนานถึงหนึ่งคืน
    แต่ความยินดีย่อมเกิดขึ้นในยามเช้า

และสำหรับข้าพเจ้า ในยามปลอดภัยข้าพเจ้าพูดได้ว่า
    “ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหวั่นไหว”
เนื่องจากพระองค์โปรดปราน โอ พระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นดั่งภูเขาแข็งแกร่ง
หากพระองค์ซ่อนหน้าไปเสีย
    ข้าพเจ้าก็หวั่นกลัว

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอต่อพระองค์
    และข้าพเจ้าวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า
หากว่าข้าพเจ้าลงไปสู่หลุมแห่งแดนคนตาย
    ความตายของข้าพเจ้าทำให้เกิดประโยชน์อะไรได้
ผงธุลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ
    มันจะป่าวประกาศความสัตย์จริงของพระองค์หรือ
10 โปรดฟังเถิด พระผู้เป็นเจ้า และเมตตาข้าพเจ้า
    โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด

11 พระองค์เปลี่ยนความเศร้าโศกของข้าพเจ้าให้เป็นการเริงรื่น
    พระองค์ปลดผ้ากระสอบของข้าพเจ้าออก
    แล้วสวมความยินดีให้
12 เพื่อว่าจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะได้สรรเสริญพระองค์ และไม่เงียบงัน
    โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ชั่วกาลนาน

วอนขอและวางใจในพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีพระองค์เป็นที่พึ่งพิง
    อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
พระองค์เป็นผู้มีความชอบธรรม
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัยเถิด
เงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
    ช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
โปรดเป็นศิลาที่พึ่งพิงแก่ข้าพเจ้า
    เป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
เพราะพระองค์เป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง
    เพื่อพระนามของพระองค์ โปรดนำทางและชี้แนะข้าพเจ้า
ให้ข้าพเจ้าหลุดออกจากตาข่ายพรางที่มีไว้ดักข้าพเจ้า
    เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอฝากวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในมือของพระองค์ด้วย[ah]
    พระองค์ได้ไถ่ข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้สัตย์จริง

ข้าพเจ้าเกลียดผู้ที่ฝักใฝ่ในรูปปั้นไร้ค่า
    และข้าพเจ้าวางใจในพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีและดีใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระองค์เห็นความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้า
    และพระองค์ทราบถึงความทุกข์ยากในชีวิตของข้าพเจ้า
พระองค์ไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
    และช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าพ้นจากบ่วงอันตราย

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ามีความทุกข์
    ความระทมใจทำให้ดวงตาข้าพเจ้าช้ำชอก
    จิตวิญญาณและร่างกายข้าพเจ้าก็เช่นกัน
10 ด้วยว่าชีวิตข้าพเจ้าเต็มด้วยความเศร้า
    และวิตกกังวลอยู่นานหลายปี
พละกำลังของข้าพเจ้าอ่อนล้าเพราะบาปของข้าพเจ้า
    และกระดูกก็กร่อนลง
11 ข้าพเจ้าเป็นที่ดูหมิ่นของศัตรูทั้งปวง
    เป็นที่หวาดกลัวในหมู่เพื่อนบ้านข้าพเจ้า
บรรดาคนที่รู้จักก็หวาดกลัวในตัวข้าพเจ้า
    ใครๆ ที่เห็นข้าพเจ้าตามถนนหนทางก็พากันวิ่งหนี
12 พวกเขาลืมข้าพเจ้าเหมือนกับว่าข้าพเจ้าได้ตายจากไปเสียแล้ว
    ข้าพเจ้าได้กลายเป็นเสมือนภาชนะที่แตกหักแล้ว
13 ด้วยว่าข้าพเจ้าได้ยินหลายคนกระซิบว่าร้าย
    มีสิ่งน่ากลัวรอบข้าง
ในขณะที่พวกเขาคบคิดกันต่อต้านข้าพเจ้า
    ขณะที่เขาวางแผนเพื่อเอาชีวิตข้าพเจ้าไป

14 แต่ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าพูดได้ว่า “พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า”
15 ชีวิตข้าพเจ้าอยู่ในมือของพระองค์
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากมือของศัตรูและผู้กดขี่ข่มเหง
16 โปรดหันมา ให้แสงอันรุ่งโรจน์ของพระองค์อยู่เหนือผู้รับใช้ของพระองค์
    พระองค์ผู้มีความรักอันมั่นคง โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นด้วยเถิด
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
    เพราะว่าข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
ปล่อยให้คนชั่วอับอาย
    ให้พวกเขาถูกเหวี่ยงลงในแดนคนตายอันเงียบสงัด
18 ปิดปากคนพูดเท็จที่หยิ่งยโส
    ซึ่งสบประมาทด้วยถ้อยคำ
    ดูหมิ่นผู้มีความชอบธรรม

19 พระองค์เตรียมความกรุณา
    ที่มีอยู่มากมายไว้สำหรับคนที่เกรงกลัวพระองค์
และประทานแก่คนที่มีพระองค์เป็นที่พึ่ง
    ต่อหน้าบรรดาบุตรของมนุษย์
20 ในที่ซึ่งมีพระองค์อยู่ด้วย พวกเขาย่อมปลอดภัย
    จากกลอุบายของมนุษย์
พระองค์ช่วยพวกเขาให้ปลอดภัยในพลับพลาของพระองค์
    ให้พ้นจากลิ้นอันธพาล

21 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่า พระองค์ได้แสดงความรักอันมั่นคงต่อข้าพเจ้าอย่างวิเศษยิ่ง
    เวลาข้าพเจ้าอยู่ในเมืองที่ถูกล้อมไว้
22 เมื่อข้าพเจ้าตกใจ ก็ได้พลั้งปากออกไปว่า
    “ข้าพเจ้าไม่อยู่ในสายตาของพระองค์”
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังได้ยินเสียงร้องขอความเมตตา
    ในเวลาที่ข้าพเจ้าร้องเรียกให้พระองค์ช่วยเหลือ

23 บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย จงรักพระผู้เป็นเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าปกปักรักษาผู้มีความภักดี
    ส่วนคนหยิ่งยโส พระองค์จะสนองตอบตามที่เขาควรได้รับ
24 พวกท่านทุกคนที่รอคอยพระผู้เป็นเจ้า
    จงเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญเถิด

การสารภาพและการยกโทษ

เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด

คนที่พระเจ้าได้ยกโทษให้เนื่องจากการล่วงละเมิด
    และได้รับการลบล้างบาปแล้ว ก็เป็นสุข
คนไม่มีจิตวิญญาณอันลวงหลอก
    และคนที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ถือโทษ ก็เป็นสุข[ai]

ครั้งที่ข้าพเจ้าไม่สารภาพบาป
    กระดูกข้าพเจ้าก็ผุกร่อน
    เพราะการคร่ำครวญยาวนานตลอดวันคืน
ด้วยว่า ทุกเช้าค่ำพระองค์ทำโทษข้าพเจ้า
    กำลังของข้าพเจ้าแห้งเหือดราวกับความแล้งของฤดูร้อน เซล่าห์

ข้าพเจ้าจึงสารภาพบาปกับพระองค์
    และไม่ได้ปกปิดความชั่วของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ากล่าวออกไปว่า “ข้าพเจ้าขอสารภาพการล่วงละเมิดต่อพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์ได้ยกโทษความผิดบาปแก่ข้าพเจ้า เซล่าห์

ฉะนั้น ให้ผู้ภักดีทุกคนอธิษฐานต่อพระองค์เถิด
    เมื่อมีความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้น
หรือมีภัยอันตรายบังเกิดขึ้น
    สิ่งเหล่านั้นไม่อาจแตะต้องตัวเขาได้
พระองค์เป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้า
    พระองค์ปกป้องข้าพเจ้าจากความทุกข์ยาก
    พระองค์โอบอุ้มข้าพเจ้าไว้ด้วยเสียงร้องแห่งความมีชัย เซล่าห์

เราจะแนะแนวและสั่งสอนเจ้าถึงวิถีทางที่ควรจะเดินไป
    เราจะแนะนำและชี้ทางให้แก่เจ้า
อย่าเป็นเหมือนม้าหรือล่อที่โง่เง่า
    ไม่ยอมอยู่ใต้คำสั่ง
    จึงต้องถูกบังคับด้วยเหล็กและบังเหียน
10 คนชั่วมีความทุกข์ยากมากมาย
    แต่คนที่ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้ามีความรักอันมั่นคงอยู่ล้อมรอบ

11 พวกท่านผู้มีความชอบธรรมจงยินดีในพระผู้เป็นเจ้า จงชื่นชมยินดี
    พวกท่านผู้มีความชอบธรรมอยู่ในจิตใจ จงเปล่งเสียงร้องด้วยความสุขใจเถิด

ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

พวกท่านผู้มีความชอบธรรม จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    สมควรแล้วที่ผู้มีความชอบธรรมจะสรรเสริญพระองค์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณเล็ก
    บรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์ด้วยพิณสิบสาย
ร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์
    เล่นดนตรีด้วยความชำนาญและเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี

ด้วยว่า คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามีความชอบธรรม
    และสิ่งทั้งปวงที่พระองค์กระทำเป็นไปตามความสัตย์จริงของพระองค์
พระองค์รักความชอบธรรมและความเป็นธรรม
    ในโลกนี้เราจะพบความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้ามากมาย

ด้วยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าฟ้าสวรรค์ได้ถูกสร้างขึ้น
    และหมู่ดาวทั้งหลายมีขึ้นได้ก็ด้วยคำพูดจากปากของพระองค์
พระองค์กักน้ำทะเลไว้ดั่งอยู่ในอ่างเก็บน้ำ
    พระองค์กักน้ำจากทะเลลึกเอาไว้ในเขื่อน
ให้ทั้งโลกเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    ให้หมู่ชนผู้อาศัยบนโลกตกตะลึงในพระองค์
ด้วยว่าเมื่อใดพระองค์กล่าว สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น
    เมื่อพระองค์บัญชา สิ่งนั้นก็ถูกสร้างขึ้น

10 พระผู้เป็นเจ้าไม่ปล่อยให้บรรดาประชาชาติประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาตัดสินใจ
    พระองค์ทำให้บรรดาชนชาติรู้สึกกระวนกระวายกับแผนที่ตนวางไว้
11 แผนของพระผู้เป็นเจ้ายืนยงตลอดกาล
    ใจพระองค์คิดแน่วแน่ทุกกาลสมัย

12 ประชาชาติเป็นสุขได้เมื่อมีพระเจ้าเป็นพระผู้เป็นเจ้า
    และเมื่อพระองค์ได้เลือกชนชาติให้เป็นผู้สืบมรดกของพระองค์
13 พระผู้เป็นเจ้ามองลงมาจากสวรรค์
    พระองค์จะเห็นบรรดาบุตรของมนุษย์ทั้งปวง
14 พระองค์มองจากบัลลังก์
    พระองค์มองตรงมายังทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก
15 พระองค์ให้แต่ละคนมีความนึกคิด
    และพระองค์สังเกตเห็นทุกสิ่งที่เขากระทำ

16 กองทัพใหญ่ไม่สามารถช่วยกษัตริย์ให้มีชีวิตรอดพ้น
    พละกำลังมหาศาลไม่อาจช่วยนักรบให้รอดพ้นได้
17 ความคาดหวังที่จะได้ชัยชนะด้วยม้าศึกเป็นความหวังอันไร้ประโยชน์
    และพละกำลังมหาศาลของมันก็ไม่อาจช่วยให้รอดพ้นได้
18 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูบรรดาผู้เกรงกลัวในพระองค์
    และเหล่าผู้หวังในความรักอันมั่นคงของพระองค์
19 เพื่อช่วยจิตวิญญาณของพวกเขาให้พ้นจากภัยที่ถึงแก่ชีวิต
    อีกทั้งให้เขามีชีวิตคงอยู่ได้ในยามอดอยาก

20 จิตวิญญาณของเรารอคอยพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์เป็นผู้ช่วยและเป็นดั่งโล่ของเรา
21 ใจของเรายินดีในพระองค์
    เพราะเราวางใจในพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
22 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้พวกเราได้รับความรักอันมั่นคงของพระองค์
    ดั่งที่เรามีความหวังในพระองค์เถิด

คำสรรเสริญเมื่อพ้นจากภัยอันตราย

ของดาวิด ในครั้งที่ท่านแสร้งเสียสติต่อหน้าอาบีเมเลคเพื่อจะได้ถูกขับไล่ และดาวิดก็จากไป[aj]

ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าอยู่เป็นนิตย์
    คำสรรเสริญจะติดอยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป
ชีวิตข้าพเจ้าโอ้อวดเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า
    ให้ผู้มีความทุกข์ทรมานรับฟังและดีใจเถิด
มาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ากับข้าพเจ้าเถิด
    และเรามายกย่องพระนามของพระองค์ด้วยกันเถิด

ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
    และช่วยให้พ้นจากความกลัวทั้งปวง
จงวางใจในพระองค์และชื่นชมยินดี
    เพื่อว่าใบหน้าของท่านจะไม่มีวันต้องอับอาย
คนทุกข์ยากคนนี้ส่งเสียงร้อง และพระผู้เป็นเจ้าได้ยิน
    และช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าคอยปกป้องบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
    และช่วยให้พ้นภัย

จงลิ้มรสและจะได้รู้เองว่าพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐยิ่ง
    คนที่พึ่งพิงในพระองค์จะเป็นสุข
บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่าคนที่เกรงกลัวพระองค์จะไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก
10 สิงโตหนุ่มต้องทนทุกข์จากความอยากและความหิว
    แต่คนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจะไม่อัตคัดสิ่งดี
11 มาเถิดลูกๆ จงฟัง
    เราจะสอนเจ้าให้รู้จักความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
12 มีใครบ้างที่ยินดีกับชีวิต
    และใคร่จะพบกับสิ่งดีงามในชีวิตอันยาวนาน
13 จงบังคับลิ้นไม่ให้กล่าวคำชั่วช้า
    และไม่ให้ปากของเจ้ากล่าวสิ่งลวงหลอก
14 จงหลีกเลี่ยงการทำความชั่วเพื่อทำความดี
    จงใฝ่หาสันติสุขและมุ่งมั่นเพื่อจะได้มาซึ่งสันติสุขนั้น

15 ตาของพระผู้เป็นเจ้าเฝ้ามองคนที่มีความชอบธรรม
    และพระองค์ฟังเสียงร้องของเขา
16 พระผู้เป็นเจ้าขัดขวางบรรดาผู้กระทำความชั่ว
    และลบความทรงจำที่เกี่ยวกับพวกเขาไปเสียจากโลก

17 เวลาผู้มีความชอบธรรมร้องขอความช่วยเหลือ
    พระผู้เป็นเจ้าย่อมสดับและช่วยพวกเราให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
18 พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้ชิดกับคนชอกช้ำใจ
    และช่วยคนสิ้นหวังให้พ้นทุกข์

19 ผู้มีความชอบธรรมพบทุกข์ทรมานหลายประการ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาให้พ้นจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
20 พระองค์ปกป้องกระดูกทุกชิ้น
    โดยกระดูกจะไม่หักสักชิ้นเดียว

21 ความทุกข์ทำให้ชีวิตคนชั่วดับลง
    และพวกที่เกลียดชังผู้มีความชอบธรรมจะถูกกล่าวโทษ
22 พระผู้เป็นเจ้าไถ่ชีวิตบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
    คนใดที่พึ่งพิงในพระองค์จะไม่ถูกกล่าวโทษ

อธิษฐานขอความช่วยเหลือ

ของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ราวีคนที่ราวีข้าพเจ้า
    ต่อสู้กับคนที่ต่อสู้ข้าพเจ้าเถิด
โปรดถือโล่และดั้ง
    แล้วลุกขึ้นช่วยข้าพเจ้า
โปรดยกหอกและหลาว
    ต่อต้านพวกที่ตามล่าข้าพเจ้า
โปรดให้คำมั่นกับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าดังนี้ว่า
    “เราคือความรอดพ้นของเจ้า”

ขอให้พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
    ต้องอับอายและไร้เกียรติ
ให้พวกที่วางแผนหวังให้ข้าพเจ้าพินาศ
    ต้องหันหลังกลับและสับสน
ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัดปลิวไป
    พร้อมกับมีทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าไล่พวกเขาไปให้พ้น
ให้พวกเขาอยู่ในทางอันมืดมนและลื่น
    พร้อมกับมีทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าตามล่าไป

ด้วยว่า พวกเขาซ่อนร่างแหไว้เตรียมจับข้าพเจ้าโดยไม่มีเหตุผล
    พวกเขาขุดหลุมพรางเพื่อจะเอาชีวิตข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ
ให้พวกเขาประสบความพินาศโดยไม่ทันตั้งตัว
    และให้พวกเขาตกในร่างแหที่ซ่อนไว้เอง
    และจมลงในความพินาศ
แล้วจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    และร่าเริงใจที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น
10 ทั่วทั้งกายใจข้าพเจ้าจะพูดว่า
    “โอ พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างที่เป็นเหมือนพระองค์
พระองค์ช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
    ช่วยคนอ่อนแอและคนยากไร้ให้พ้นจากคนที่เอาเปรียบ”

11 คนชั่วเป็นพยานต่อต้านข้าพเจ้า
    และกล่าวหาสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย
12 พวกเขากระทำสิ่งเลวร้ายตอบสนองความดี
    และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าสิ้นหวัง
13 แต่ยามที่พวกเขาป่วย ข้าพเจ้าสวมผ้ากระสอบ
    ข้าพเจ้าทนทุกข์เองด้วยการอดอาหาร
ข้าพเจ้าก้มคอลงจรดอกเพื่ออธิษฐาน
14     ราวกับว่าข้าพเจ้าระทมใจ
    ถึงเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง
เหมือนคนเศร้าโศกถึงมารดา
    ข้าพเจ้าซบหน้าลงกับพื้นอย่างเศร้าสลด
15 แต่เวลาข้าพเจ้าทุกข์ร้อน พวกเขารวมหัวกันด้วยความยินดี
    รวมหัวกันต่อต้านข้าพเจ้า
ส่วนคนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก
    พากันล้อเลียนข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง
16 พวกเขาล้อเลียนอย่างไร้คุณธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    แล้วยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้าพเจ้าด้วยความจงเกลียดจงชัง

17 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะมองดูข้าพเจ้าต่อไปนานเพียงไร
    โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากการจู่โจมของพวกเขา
    ช่วยชีวิตอันมีค่าของข้าพเจ้าจากพวกสิงโต
18 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ในที่ประชุมใหญ่
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
19 อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจ
    ของพวกศัตรูผู้ไร้ความเป็นธรรม
หรือพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า
    อย่างไร้สาเหตุยิ้มเยาะข้าพเจ้าได้[ak]
20 เพราะพวกเขาไม่พูดเรื่องที่ทำให้เกิดความสงบสุข
    แต่เป็นเรื่องต่อต้านคนที่อยู่อย่างสงบสุขในแผ่นดิน
    พวกเขาปั้นเรื่องเพื่อหลอกลวงคน
21 และเขาเปิดปากกว้างโจมตีข้าพเจ้า โดยพูดว่า
    “นั่นแน่ะ นั่นแน่ะ พวกเราเห็นกับตา”

22 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เห็นแล้ว และอย่าเงียบเฉยอยู่เลย
    โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าอยู่ห่างข้าพเจ้า
23 โปรดตื่นขึ้น และลุกขึ้นปกป้องข้าพเจ้าเถิด
    เพื่อเห็นแก่ข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
24 พระองค์มีความชอบธรรม โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
    โปรดพิสูจน์ให้เห็นเถิดว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ฝ่ายผิด
    และอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
25 อย่าให้พวกเขาพูดเอาเองว่า “ดูสิ เราได้สมใจแล้ว”
    อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “พวกเรากลืนเขาได้แล้ว”

26 ให้พวกที่สะใจในความวอดวายของข้าพเจ้า
    อับอายและงงงันเสียให้หมด
ให้พวกที่อ้างว่าดีเลิศเกินข้าพเจ้า
    สวมใส่ความอับอายและความอัปยศ
27 ให้บรรดาผู้ที่ชื่นชอบในความถูกต้องของข้าพเจ้า
    ร้องตะโกนด้วยความยินดีและร่าเริงใจ
และกล่าวย้ำว่า “พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่นัก
    พระองค์ชื่นชอบในความสำเร็จของผู้รับใช้ของพระองค์”

28 แล้วลิ้นข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงความชอบธรรมของพระองค์
    กล่าวสรรเสริญพระองค์ตลอดวันเวลา

ความชั่วของมนุษย์กับความดีของพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิดผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า

ความประพฤติที่ฝ่าฝืนพูดอยู่ที่ก้นบึ้งของจิตใจคนชั่ว
    เขาไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวพระเจ้าเลย[al]

Footnotes

  1. 2:2 กิจการของอัครทูต 4:25,26
  2. 2:6 พระวิหารตั้งอยู่บนภูเขาศิโยนในเมืองเยรูซาเล็ม
  3. 2:7 กิจการของอัครทูต 13:13; ฮีบรู 1:5; 5:5
  4. 3:0 2 ซามูเอล 15:16
  5. 3:2 เซล่าห์ เป็นคำที่ใช้กำกับดนตรีให้หยุดชั่วขณะ
  6. 4:4 เอเฟซัส 4:26
  7. 5:9 โรม 3:13
  8. 7:0 ชื่อจังหวะเพลง
  9. 8:0 ทำนอง หรือ เครื่องดนตรี
  10. 8:2 มัทธิว 21:16
  11. 8:5 พระเจ้า หรือ ผู้อยู่ในสรวงสวรรค์ พันธสัญญาเดิมในภาษากรีกแปลได้ความว่า ทูตสวรรค์
  12. 8:6 ฮีบรู 2:6-8; 1 โครินธ์ 15:27
  13. 9:0 ทำนอง หรือ เครื่องดนตรี
  14. 9:14 คือในเมืองเยรูซาเล็ม
  15. 9:16 ทำนอง หรือ เครื่องดนตรี
  16. 10:7 โรม 3:14
  17. 14:3 โรม 3:10
  18. 16:0 ทำนอง หรือ เครื่องดนตรี
  19. 16:10 กิจการของอัครทูต 13:35
  20. 16:11 กิจการของอัครทูต 2:25-28
  21. 18:2 เขา หมายถึงเขาสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเข้มแข็ง
  22. 18:10 เป็นภาษาฮีบรู เครูบิม เป็นพหูพจน์ของ เครูบ หมายถึงสิ่งมีชีวิตในสวรรค์ มีปีก รักษาบัลลังก์ของพระเจ้า ฉบับเอเสเคียล 1:5-14; 10:21 ส่วนตัวเครูบในอภิสุทธิสถานเป็นรูปปั้น ฉบับอพยพ 25:17-22; ฮีบรู 9:5
  23. 19:4 โรม 10:18
  24. 20:1 ยาโคบมีอีกชื่อว่า อิสราเอล
  25. 22:1 มัทธิว 27:46; มาระโก 15:34
  26. 22:7 มาระโก 15:29
  27. 22:12 บาชาน เป็นเขตแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบกาลิลี มีปศุสัตว์ที่มีชื่อเสียงดี
  28. 22:18 มัทธิว 27:35; มาระโก 15:24; ลูกา 23:34; ยอห์น 19:24
  29. 22:22 ฮีบรู 2:12
  30. 24:1 1 โครินธ์ 10:26
  31. 27:5 กระโจม ในที่นี้คือ พระวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม
  32. 29:5 ต้นไม้ที่เลบานอนมีชื่อคือทั้งใหญ่และงดงาม
  33. 29:6 ภูเขาสีรีออนคือภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งสูงที่สุดในประเทศซีเรีย
  34. 31:5 ลูกา 23:46
  35. 32:2 โรม 4:7,8
  36. 34:0 1 ซามูเอล 21:10-22:1
  37. 35:19 ยอห์น 15:25
  38. 36:1 โรม 3:18