Add parallel Print Page Options

เพลงสดุดีแห่งสติปัญญา ในเรื่องของชีวิตและความตาย

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดี

จงฟังเถิด ชนชาติทั้งปวงเอ๋ย
    จงเงี่ยหูเถิด ผู้อาศัยทั้งปวงในโลก
ทั้งต่ำต้อยและยิ่งใหญ่
    ทั้งมั่งมีและยากจน
ปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสิ่งซึ่งแสดงความมีสติปัญญา
    การใคร่ครวญของข้าพเจ้าจะเป็นความหยั่งรู้
ข้าพเจ้าจะเงี่ยหูฟังสุภาษิต
    ข้าพเจ้าจะไขปริศนาด้วยเสียงพิณบรรเลง

ทำไมข้าพเจ้าต้องกลัวเมื่อเกิดความทุกข์ยาก
    ยามพวกที่กดขี่ข่มเหงอยู่รายล้อมข้าพเจ้า
พวกที่วางใจในความมั่งมีของตน
    และโอ้อวดว่าร่ำรวยล้นฟ้า
ไม่มีผู้ใดสามารถไถ่ชีวิตตน
    หรือจะนำสิ่งใดๆ มาถวายแด่พระเจ้าเพื่อชดใช้แทนชีวิตตนได้เลย
เพราะว่า ค่าไถ่ชีวิตนั้นสูงมาก
    และชดใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด
ที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
    และไม่มีวันเปื่อยเน่าชั่วนิรันดร์กาล
10 เพราะทุกคนก็เห็นว่าวันหนึ่งผู้เรืองปัญญาก็ต้องตาย
    คนโง่เขลาและคนไร้ความคิดก็ตายเช่นกัน
    ครั้นแล้วพวกเขาก็ทิ้งสมบัติไว้ให้คนอื่น
11 หลุมศพจะเป็นบ้านของเขาไปตลอดกาล
    เป็นที่อาศัยไปทุกชั่วอายุคน
    แม้เขาตั้งชื่อที่ดินตามชื่อของเขาเอง

12 มนุษย์จะอาศัยความมั่งคั่งเป็นหลักยึดไม่ได้
    เพราะเขาก็เป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ไม่พ้นจากความตาย
13 นี่คือวิถีทางของพวกที่เชื่อถืออย่างโง่ๆ
    คือจุดจบของคนที่ระเริงใจกับความมั่งคั่งของตน เซล่าห์
14 พวกเขาเป็นดั่งแกะที่ถูกกำหนดให้ไปสู่แดนคนตาย
    คือความตายจะเป็นผู้ดูแลพวกเขา
    ผู้มีความชอบธรรมจะพิพากษาพวกเขาในยามรุ่งอรุณ
ร่างของเขาจะเปื่อยเน่าไป
    แดนคนตายจะเป็นบ้านของเขา
15 แต่พระเจ้าจะคว้าชีวิตข้าพเจ้าไปเสียจากอำนาจของแดนคนตาย
    พระองค์จะรับตัวข้าพเจ้าไป เซล่าห์
16 อย่ากลัวเวลาคนร่ำรวยขึ้น
    เวลาความมั่งมีที่บ้านของเขาเพิ่มพูน
17 เพราะเวลาเขาตายไป เขาจะหอบหิ้วอะไรไปไม่ได้เลย
    เพราะความมั่งคั่งของเขาจะไม่ตามเขาลงไปด้วย
18 แม้ในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ ก็นับว่าตนมีความสุข
    และได้รับการยกย่องเวลาได้รับความสำเร็จ
19 เขาจะไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา
    คือไม่มีวันเห็นแสงสว่างอีกเลย
20 มนุษย์จะอาศัยเอาความมั่งคั่งเป็นหลักยึดไม่ได้
    เพราะเขาเป็นดั่งสัตว์ป่าที่ไม่พ้นจากความตาย