Add parallel Print Page Options

อิสยาห์พบกษัตริย์อาหัส

ในสมัยที่อาหัสบุตรของโยธาม[a]ซึ่งเป็นบุตรของอุสซียาห์เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ เรซีนกษัตริย์แห่งอารัม[b] และเปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล ร่วมมือกันขึ้นไปโจมตีเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถรบชนะได้ เมื่อมีคนมาแจ้งพงศ์พันธุ์ของดาวิดว่า “อารัมร่วมเป็นพันธมิตรกับเอฟราอิม” อาหัสและประชาชนต่างก็หวั่นไหวดั่งหมู่ไม้ในป่าที่ไหวลู่ไปกับลม

และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอิสยาห์ดังนี้ “เจ้าจงออกไป ให้เชอาร์ยาชูบ[c]บุตรชายของเจ้าไปด้วย จงไปพบกับอาหัสที่ถนนหลวงข้างร่องน้ำที่สระบน ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งซักผ้า และเตือนเขาให้ระวังตัว ใจเย็นไว้ อย่ากลัว และอย่าใจเสียเพียงเพราะไม้ 2 ตอที่คุอยู่ เพราะเรซีน อารัม และบุตรของเรมาลิยาห์กำลังโกรธมาก เพราะอารัมกับเอฟราอิมและบุตรของเรมาลิยาห์ได้วางแผนร้ายต่อเจ้า พวกเขาพูดว่า ‘พวกเราขึ้นไปโจมตียูดาห์กันเถิด ทำให้พวกเขาตกใจ และตีให้พังพินาศเพื่อพวกเราเอง แล้วแต่งตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

“มันจะไม่เป็นเช่นนั้น
    และมันจะไม่เกิดขึ้น
เพราะดามัสกัสเป็นเมืองสำคัญของอารัม
    และเรซีนเป็นผู้นำของดามัสกัส
และภายใน 65 ปี
    เอฟราอิมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่อาจเป็นชนชาติได้อีก
สะมาเรียเป็นเมืองสำคัญของเอฟราอิม
    และบุตรของเรมาลิยาห์เป็นผู้นำของสะมาเรีย
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในความเชื่อ
    เจ้าก็จะไม่มั่นคงเลย”

สัญลักษณ์ของอิมมานูเอล

10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาหัสอีกว่า 11 “จงขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า เพื่อบ่งบอกเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เจ้าเห็น ไม่ว่าจะเป็นจากที่ลึกถึงแดนคนตาย หรือสูงถึงฟ้าสวรรค์” 12 แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ถาม และข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระผู้เป็นเจ้า 13 และอิสยาห์พูดว่า “โอ พงศ์พันธุ์ของดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด พวกท่านทำให้คนรำคาญใจไม่พอหรือ จึงกระทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้ารำคาญใจไปด้วย 14 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้บ่งบอกเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ท่านเห็น ดูเถิด พรหมจาริณีผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง และจะตั้งชื่อบุตรว่า อิมมานูเอล[d] 15 ท่านจะรับประทานโยเกิร์ตและน้ำผึ้งในเวลาที่ท่านรู้จักปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดี 16 เพราะก่อนที่เด็กน้อยจะรู้จักปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดี แผ่นดินของกษัตริย์ทั้งสองที่ท่านหวั่นกลัวจะกลายเป็นที่รกร้าง 17 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกท่าน ชนชาติของท่าน และตระกูลของท่านประสบกับเวลาที่จะเผชิญกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย เลวร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่วันที่เอฟราอิมแยกไปจากยูดาห์”[e]

18 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะส่งเสียงผิวปากเรียกฝูงเหลือบที่อยู่ปลายสุดธารของอียิปต์ และเรียกฝูงผึ้งที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19 พวกมันทั้งหมดจะมาทำรังอาศัยอยู่ที่หน้าผาชัน ที่ซอกหิน ที่พันธุ์ไม้มีหนาม และตามทุ่งหญ้า

20 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะใช้กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเหมือนใช้มีดโกนที่ถูกว่าจ้างบนฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ให้โกนศีรษะและขา และแม้แต่หนวดเคราก็จะถูกโกนจนเกลี้ยง

21 ในวันนั้น แต่ละคนจะสามารถเก็บได้เพียงแม่โคสาว 1 ตัว และแกะ 2 ตัว 22 และเป็นเพราะสัตว์เหล่านี้ให้นมได้มากมาย เขาจะรับประทานโยเกิร์ต ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินจะรับประทานโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง

23 ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีเถาองุ่น 1,000 เถา มีค่าเป็นเงิน 1,000 เชเขล[f] ก็จะกลายเป็นพุ่มไม้หนามและต้นหนาม 24 จะมีคนมาล่าสัตว์ด้วยคันธนูและลูกธนูที่นั่น เพราะทั่วทั้งแผ่นดินจะมีพุ่มไม้หนามและต้นหนาม 25 ส่วนเนินเขาที่เคยเป็นที่พรวนดิน ท่านก็จะไม่ไปที่นั่นเพราะกลัวพุ่มไม้หนามและหนาม แต่มันจะกลายเป็นที่สำหรับฝูงโค และเป็นที่ให้ฝูงแกะเหยียบย่ำ

Footnotes

  1. 7:1 อาหัสเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ระหว่าง 736-716 ปีก่อน ค.ศ.
  2. 7:1 อารัม คือประเทศซีเรียในปัจจุบัน
  3. 7:3 ความหมายในภาษาฮีบรูคือ คนที่ยังมีชีวิตอยู่จะกลับมา
  4. 7:14 ความหมายในภาษาฮีบรูคือ พระเจ้าสถิตกับเรา ฉบับมัทธิว 1:23
  5. 7:17 เอฟราอิมเป็นอีกชื่อหนึ่งของอิสราเอล และแยกออกจากยูดาห์ 931 ปีก่อน ค.ศ.
  6. 7:23 1 เชเขล หนักประมาณ 11.4 กรัม