Add parallel Print Page Options

อับซาโลมกลับไปยังเยรูซาเล็ม

14 เมื่อโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ทราบว่าใจของกษัตริย์หวนคิดถึงอับซาโลม โยอาบจึงให้คนไปยังเมืองเทโคอา ไปพาหญิงผู้เรืองปัญญาคนหนึ่งมาจากที่นั่น และบอกนางว่า “ขอให้แสร้งทำเป็นคนรับจ้างร้องคร่ำครวญ สวมเสื้อผ้าของคนไว้ทุกข์ อย่าชโลมน้ำมัน แต่ทำเป็นคนร้องคร่ำครวญให้คนตายมาหลายวันแล้ว ไปหากษัตริย์ และพูดกับท่านตามนี้” แล้วโยอาบก็กำชับนางว่าจะพูดอย่างไร

ครั้นหญิงจากเมืองเทโคอาผู้นั้นมาหากษัตริย์ นางซบหน้าลงกับพื้นทำความเคารพ และพูดว่า “โอ กษัตริย์ โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย” กษัตริย์ถามนางว่า “เจ้าทุกข์ใจเรื่องอะไร” นางตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นม่าย สามีเสียแล้ว ข้าพเจ้ามีบุตรสองคน เขาวิวาทกันในทุ่ง ไม่มีใครห้ามให้เขาหยุด คนหนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่งตาย บัดนี้ ทั้งตระกูลกลับต่อว่าข้าพเจ้า พูดกันว่า ‘มอบตัวคนที่ฆ่าพี่ชายของเขาให้เราเถิด เราจะได้กำจัดชีวิตของเขาให้สิ้นไป แลกกับชีวิตของพี่ชายที่เขาฆ่า เราจะได้กำจัดทายาทด้วย’ ซึ่งเป็นเหมือนว่าพวกเขาจะดับถ่านที่ลุกอยู่เพียงก้อนเดียวที่ข้าพเจ้าเหลืออยู่ โดยไม่มีชื่อหรือผู้สืบเชื้อสายของสามีอยู่บนโลกนี้อีกเลย”

และกษัตริย์กล่าวกับหญิงนั้นว่า “เจ้าจงกลับบ้านไป และเราจะจัดการเรื่องของเจ้าให้” แล้วหญิงจากเทโคอาคนนั้นพูดกับกษัตริย์ว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ขอให้ความผิดตกอยู่กับข้าพเจ้าและครอบครัวข้าพเจ้าเถิด ขอให้กษัตริย์และบัลลังก์ของท่านไร้ความผิด” 10 กษัตริย์กล่าวว่า “ถ้าหากว่าใครพูดอะไรกับเจ้า ก็จงพาเขามาหาเรา และเขาจะไม่แตะต้องเจ้าอีกเลย” 11 นางพูดอีกว่า “ขอให้กษัตริย์วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อให้ผู้ตามล่าล้างแค้นหยุดฆ่า และบุตรของข้าพเจ้าจะไม่ถูกสังหาร” ท่านกล่าวว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด ผมสักเส้นเดียวของบุตรของเจ้าจะไม่ตกลงบนพื้นดิน”

12 หญิงนั้นพูดว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าพูดอะไรบางอย่างกับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เถิด” ท่านกล่าวว่า “พูดเถิด” 13 หญิงนั้นจึงพูดว่า “ทำไมท่านจึงได้วางแผนกระทำเช่นนี้ต่อคนของพระเจ้า เมื่อกษัตริย์กล่าวดังนี้ เท่ากับท่านกล่าวโทษท่านเองมิใช่หรือ เพราะท่านไม่ได้พาบุตรที่ถูกเนรเทศกลับมา 14 ถึงอย่างไรเราทุกคนก็ต้องตาย เราเป็นเหมือนน้ำที่หกบนพื้นดิน และจะเก็บรวมขึ้นมาอีกก็ไม่ได้ แต่พระเจ้าไม่พรากชีวิตไป และพระองค์หาหนทางเพื่อผู้ที่ถูกเนรเทศจะได้หลุดพ้นจากการเป็นคนที่ใครๆ ไม่ยอมรับ 15 บัดนี้ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้กับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ก็เพราะผู้คนข่มขู่ให้ข้าพเจ้ากลัว และข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านก็คิดในใจอยู่ว่า ‘เราจะขอร้องกษัตริย์ กษัตริย์อาจจะตอบคำขอร้องของผู้รับใช้ของท่าน 16 เพราะกษัตริย์จะฟังและช่วยผู้รับใช้ของท่าน ให้พ้นจากมือของคนที่จะทำลายข้าพเจ้าพร้อมกับบุตรของข้าพเจ้า เพื่อไม่ให้เรารับมรดกจากพระเจ้า’ 17 และผู้รับใช้ของท่านคิดในใจว่า ‘คำพูดของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์จะทำให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ’ เพราะว่าเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เป็นดั่งทูตสวรรค์ของพระเจ้า ที่หยั่งรู้ความดีและความชั่ว ขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจงอยู่กับท่านเถิด”

18 แล้วกษัตริย์ก็ตอบหญิงนั้นว่า “ไม่ว่าสิ่งใดที่เราถามเจ้า เจ้าอย่าปิดบังไปจากเรา” และหญิงนั้นพูดว่า “ขอให้เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์กล่าวมาเถิด” 19 กษัตริย์กล่าวว่า “โยอาบมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่า” หญิงนั้นตอบว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ไม่มีผู้ใดเลี่ยงคำตอบที่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ถามเมื่อสักครู่นี้ โยอาบผู้รับใช้ของท่านที่เป็นผู้สั่งข้าพเจ้า เป็นโยอาบที่ให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านพูดตามนั้น 20 โยอาบผู้รับใช้ของท่านกระทำเช่นนี้ก็เพื่อจะให้เหตุการณ์เปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่ แต่ว่าเจ้านายของข้าพเจ้ามีสติปัญญาดั่งสติปัญญาของทูตสวรรค์ของพระเจ้า คือทราบทุกสิ่งในโลกนี้”

21 แล้วกษัตริย์ก็กล่าวกับโยอาบว่า “เอาล่ะ เราอนุญาตให้ตามนี้ ไปพาชายหนุ่มอับซาโลมกลับมา” 22 โยอาบก็ซบหน้าลงกับพื้นด้วยความเคารพ และอวยพรท่าน และโยอาบพูดว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ วันนี้ ผู้รับใช้ของท่านทราบแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน กษัตริย์จึงได้อนุญาตตามคำขอร้องให้แก่ผู้รับใช้ของท่าน” 23 แล้วโยอาบก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเกชูร์ และพาอับซาโลมมายังเยรูซาเล็ม 24 และกษัตริย์กล่าวว่า “ให้เขาแยกไปอยู่ที่บ้านของเขาเอง อย่าให้เขามาหาเรา” อับซาโลมจึงแยกอยู่ในบ้านของตน และไม่ได้เข้าไปหากษัตริย์

ดาวิดให้อภัยอับซาโลม

25 ทั่วทั้งอิสราเอล ไม่มีใครได้รับคำชมว่ารูปงามเท่ากับอับซาโลม ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่มีที่ติเลย 26 เมื่อเขาตัดผม (ด้วยว่าทุกปีตอนปลายปี เขาตัดผมเมื่อผมหนักศีรษะ เขาก็ตัดออก) ผมที่ตัดออกชั่งน้ำหนักได้ 200 เชเขล[a] ตามมาตราน้ำหนักของกษัตริย์ 27 อับซาโลมมีบุตรชาย 3 คน และบุตรหญิง 1 คนชื่อ ทามาร์ เธอเป็นหญิงรูปงาม

28 อับซาโลมอยู่ที่เยรูซาเล็มเป็นเวลา 2 ปีเต็ม โดยไม่ได้เข้าไปหากษัตริย์ 29 และอับซาโลมให้คนไปตามโยอาบ เพื่อวานให้เขาไปหากษัตริย์ แต่โยอาบก็ไม่มาหา เขาจึงให้ไปตามโยอาบเป็นครั้งที่สอง แต่โยอาบก็ไม่มา 30 เขาจึงบอกบรรดาผู้รับใช้ว่า “ดูโน่น นาของโยอาบถัดไปจากนาของเรา เขามีข้าวบาร์เลย์ที่นั่น เจ้าไปจุดไฟเผาเสีย” บรรดาผู้รับใช้ของอับซาโลมก็ไปจุดไฟเผานา 31 โยอาบจึงไปหาอับซาโลมที่บ้าน และถามเขาว่า “ทำไมผู้รับใช้ของท่านจึงจุดไฟเผานาของข้าพเจ้า” 32 อับซาโลมตอบโยอาบว่า “ดูเถิด เราฝากคนไปบอกท่านว่า ‘มาหาเราที่นี่ เราจะให้ท่านไปถามกษัตริย์ว่า “ข้าพเจ้าต้องออกมาจากเกชูร์ทำไม ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นก็ยังจะดีกว่า” ฉะนั้น บัดนี้ ท่านให้เราไปหากษัตริย์เถิด และถ้าเรามีความผิดอย่างไร ก็ให้กษัตริย์ประหารเรา’” 33 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และเรียนท่าน ท่านจึงให้เรียกอับซาโลมมา อับซาโลมจึงไปหากษัตริย์ และก้มหน้าลงที่พื้น ณ เบื้องหน้ากษัตริย์ และกษัตริย์ก็จูบแก้มอับซาโลม

Footnotes

  1. 14:26 1 เชเขล หนักประมาณ 11.4 กรัม