Add parallel Print Page Options

บาลาคเรียกบาลาอัมให้มาหา

22 ครั้นแล้วชาวอิสราเอลก็ออกเดินทางไปยังที่ราบโมอับ และไปตั้งค่ายอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนที่ฝั่งตรงข้ามกับเยรีโค ส่วนบาลาคบุตรศิปโปร์ได้เห็นทุกสิ่งที่อิสราเอลได้กระทำต่อชาวอาโมร์ และชาวโมอับตกใจกลัวชนชาตินั้นที่มีจำนวนมาก ชาวโมอับหวาดหวั่นชาวอิสราเอลมาก ชาวโมอับพูดกับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของมีเดียนว่า “ชนกลุ่มนี้จะกินทุกสิ่งรอบตัวเราเหมือนโคกินหญ้าในทุ่งจนเรียบ” ในเวลานั้นบาลาคบุตรศิปโปร์เป็นกษัตริย์แห่งโมอับ ท่านจึงให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปยังบาลาอัมบุตรเบโอร์ที่เปโธร์ที่อยู่ใกล้แม่น้ำในถิ่นฐานบ้านเกิดของเขา บาลาคพูดว่า “ดูเถิด ชนชาติหนึ่งได้ออกมาจากอียิปต์ ดูเถิด พวกเขาแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดินโลก และพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ตรงข้ามเรา บัดนี้จงมาเถิด มาสาปแช่งชนชาตินี้ให้เรา ในเมื่อพวกเขาเข้มแข็งเกินไปสำหรับเรา เราอาจจะตีพวกเขาให้พ่ายไปได้ และขับไล่พวกเขาออกไปจากแผ่นดิน เพราะเราทราบว่าท่านให้พรผู้ใด ผู้นั้นก็ได้รับพร และท่านสาปแช่งผู้ใด ผู้นั้นก็ถูกสาปแช่ง”

บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของโมอับและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของมีเดียนก็เอาค่าจ้างการทำนายติดมือไป เมื่อมาถึงบาลาอัม เขาก็รายงานว่าบาลาคพูดอะไรบ้าง บาลาอัมพูดกับพวกเขาว่า “คืนนี้จงค้างแรมที่นี่เถิด แล้วเราจะนำคำตอบของพระผู้เป็นเจ้ามาบอกท่าน” และบรรดาผู้นำของโมอับก็พักอยู่กับบาลาอัม พระเจ้ามากล่าวกับบาลาอัมว่า “ชายเหล่านี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใคร” 10 บาลาอัมตอบพระเจ้าว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับส่งคนมาบอกข้าพเจ้าว่า 11 ‘ดูเถิด ชนชาติหนึ่งได้ออกมาจากอียิปต์ ชนชาตินี้แผ่ขยายไปทั่วแผ่นดินโลก บัดนี้จงมาเถิด มาสาปแช่งพวกเขาให้เรา เราอาจจะต่อสู้กับพวกเขาได้ และขับไล่พวกเขาออกไป’” 12 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับบาลาอัมว่า “เจ้าอย่าไปกับพวกเขา เจ้าอย่าสาปแช่งชนชาตินั้น เพราะพวกเขาได้รับพร” 13 วันรุ่งขึ้นบาลาอัมลุกขึ้นและบอกกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของบาลาคว่า “จงกลับไปยังแผ่นดินของท่านเถิด เพราะพระผู้เป็นเจ้าห้ามเรามิให้ไปกับท่าน” 14 บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของโมอับจึงลุกขึ้น และไปบอกบาลาคว่า “บาลาอัมปฏิเสธที่จะมากับพวกเรา”

15 ครั้นแล้วบาลาคจึงให้บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่อื่นๆ ไปอีก มีจำนวนมากขึ้นและมีเกียรติยศมากกว่ารุ่นก่อน 16 พวกเขามาพูดกับบาลาอัมว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กล่าวว่า ‘อย่าให้มีสิ่งใดฉุดรั้งไม่ให้ท่านมาหาเรา 17 เพราะเราจะมอบเกียรติอย่างสูงให้แก่ท่าน เราจะกระทำทุกสิ่งที่ท่านต้องการให้เราทำ เราขอร้องให้ท่านมาสาปแช่งชนชาตินี้ให้เรา’” 18 แต่บาลาอัมตอบบรรดาผู้รับใช้ของบาลาคว่า “ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกบ้านที่เต็มด้วยเงินทองให้เรา เราก็ไม่อาจขัดต่อคำสั่งใดๆ ของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ตาม 19 บัดนี้ท่านค้างแรมที่นี่ด้วยเถิด เราจะได้ทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าอาจจะมีอะไรกล่าวกับเราอีก” 20 และพระเจ้ามากล่าวกับบาลาอัมในคืนนั้นว่า “ถ้าชายเหล่านั้นมาเรียกตัวเจ้าไป ก็จงลุกขึ้นไปกับเขา แต่จงกระทำตามเฉพาะสิ่งที่เราบอกเจ้าเท่านั้น”

ลาของบาลาอัม

21 พอรุ่งเช้าบาลาอัมก็ลุกขึ้น ผูกอานลาของตนและไปกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของโมอับ 22 พระเจ้าโกรธกริ้วที่เขาไป และทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนขวางทางไว้เพื่อห้ามเขา ขณะนั้นเขากำลังขี่ลาไป และมีผู้รับใช้ 2 คนอยู่ด้วย 23 ครั้นลาเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนถือดาบขวางทางอยู่ ลาตัวนั้นจึงเลี้ยวออกนอกทางเข้าไปในทุ่งนา บาลาอัมจึงตีลาให้หันกลับไปที่ถนนอีก 24 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนที่ทางแคบระหว่างสวนองุ่น 2 แห่งซึ่งมีกำแพงกั้นทั้ง 2 ฟาก 25 ขณะที่ลาเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า มันก็ดันกำแพงและทำให้เท้าของบาลาอัมถูกอัดติดกำแพง เขาจึงตีลาอีก 26 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าขยับไปข้างหน้าและยืนอยู่ที่ทางแคบอีก ไม่มีทางเลี้ยวซ้ายหรือขวาได้ 27 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า มันก็หมอบลงขณะที่บาลาอัมยังอยู่บนหลังลา เขาก็โกรธและใช้ไม้ตีลา 28 แล้วพระผู้เป็นเจ้าจึงเปิดปากลา มันก็พูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรท่านหรือ ท่านจึงได้ตีข้าพเจ้าถึง 3 ครั้งเช่นนี้” 29 บาลาอัมพูดกับลาว่า “เพราะเจ้าทำให้เรารู้สึกโง่เง่า หากว่ามือเราถือดาบอยู่ เราก็จะฆ่าเจ้าเสียบัดนี้” 30 ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นลาของท่านหรอกหรือที่ท่านใช้ขี่มาตลอดชีวิตอันยาวนานของท่านจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้าเคยกระทำเช่นนี้กับท่านหรือ” เขาก็ตอบว่า “ไม่เคย”

31 พระผู้เป็นเจ้าก็เปิดตาของบาลาอัม เขาจึงเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนขวางทางอยู่และชักดาบไว้พร้อม เขาจึงก้มศีรษะและซบหน้าลงกับพื้น 32 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงตีลาของท่านถึง 3 ครั้งเช่นนั้น ดูเถิด เราได้ออกมาขัดขวางท่าน เพราะเราเห็นว่าท่านทำตัวหุนหันพลันแล่นยิ่งนัก 33 และลาก็เห็นเราจึงเลี้ยวเข้าข้างทางต่อหน้าเรา 3 ครั้งเช่นนั้น หากว่ามันไม่ได้หันเข้าข้างทางเลี่ยงเราไป เราคงจะฆ่าท่านไปเสียแล้ว และก็ปล่อยให้ลารอดตัวไป” 34 บาลาอัมพูดกับทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้ากระทำบาป เพราะข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนอยู่ที่ถนนเพื่อขวางข้าพเจ้าไว้ ฉะนั้นบัดนี้หากว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายในสายตาของท่าน ข้าพเจ้าก็จะกลับไป” 35 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าพูดกับบาลาอัมว่า “จงไปกับชายเหล่านั้น แต่ท่านจงพูดตามคำที่เราพูดกับท่านเท่านั้น” และบาลาอัมก็ไปกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของบาลาค

36 ครั้นบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมา ท่านจึงออกไปพบกับเขาที่เมืองโมอับชายแดนอาร์โนนในเขตพรมแดนเมือง 37 และบาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราให้คนไปเรียกตัวท่านมาครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือ ทำไมท่านจึงไม่มาหาเรา เราไม่ได้ให้เกียรติแก่ท่านหรือ” 38 บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้ามาหาท่านแล้ว แต่บัดนี้ข้าพเจ้าหามีอำนาจที่จะกล่าวสิ่งใดไม่ ข้าพเจ้าจะพูดไปตามคำที่พระเจ้าบันดาลให้ข้าพเจ้าพูดเท่านั้น” 39 แล้วบาลาอัมไปกับบาลาคจนถึงคีริยาทหุโซท 40 บาลาคถวายโคและแกะเป็นเครื่องสักการะ และแจกให้บาลาอัมกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วย

41 เช้าวันรุ่งขึ้นบาลาคพาบาลาอัมขึ้นไปยังบาโมทบาอัล และเขาก็ได้เห็นประชาชนที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น

คำพยากรณ์แรกของบาลาอัม

23 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “โปรดสร้างแท่นบูชาให้แก่ข้าพเจ้า 7 แท่นที่นี่ และเตรียมโคตัวผู้ 7 ตัวกับแกะตัวผู้ 7 ตัวให้ข้าพเจ้าที่นี่” บาลาคก็กระทำตามที่บาลาอัมพูด และท่านทั้งสองถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “จงยืนที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของท่าน แล้วข้าพเจ้าก็จะไป พระผู้เป็นเจ้าอาจจะมาพบกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าพระองค์แจ้งอะไรแก่ข้าพเจ้าบ้าง” และเขาก็ไปยังบริเวณที่สูงอันแห้งแล้ง พระเจ้าพบกับบาลาอัม บาลาอัมพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าได้เตรียมแท่นบูชา 7 แท่น และได้ถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น” และพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้บาลาอัมพร้อมที่จะพูด และกล่าวว่า “จงกลับไปหาบาลาค แล้วเจ้าจงพูดไปตามสิ่งที่เราบอก” เขากลับไปหาบาลาค และพบว่าบาลาคและบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของชาวโมอับยังยืนอยู่ที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย

แล้วบาลาอัมก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า

“บาลาคได้เรียกข้าพเจ้าให้มาจากอารัม[a]
    กษัตริย์แห่งโมอับนำข้าพเจ้ามาจากเทือกเขาทางตะวันออก
ท่านกล่าวว่า ‘มาเถิด มาสาปแช่งยาโคบให้เรา
    และมาเถิด มาประณามอิสราเอล’
ข้าพเจ้าจะสาปแช่งผู้ที่
    พระเจ้าไม่ได้สาปแช่งได้อย่างไร
ข้าพเจ้าจะประณามผู้ที่
    พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประณามได้อย่างไร
ข้าพเจ้าเห็นพวกเขาจากยอดเขา
    และข้าพเจ้ามองดูพวกเขาจากเนินเขา
ดูเถิด ชนชาติซึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง
    และไม่ได้นับตนเองเข้าในบรรดาประชาชาติ
10 ใครจะนับผงธุลีของยาโคบได้
    หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้
ให้ข้าพเจ้าตายอย่างบรรดาผู้มีความชอบธรรมตายเถิด
    และให้จุดจบของข้าพเจ้าเป็นเช่นเดียวกับของพวกเขา”

11 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ท่านทำความเสียหายให้กับเรา เราส่งคนไปตามตัวท่านมาเพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา ดูเถิด ท่านไม่ได้ทำอะไรให้เราเลย แต่กลับอวยพรพวกเขา” 12 เขาตอบว่า “จะไม่ให้ข้าพเจ้าพูดไปตามคำที่พระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้ข้าพเจ้าพูดหรือ”

คำพยากรณ์ครั้งที่สองของบาลาอัม

13 บาลาคพูดกับเขาว่า “ไปกับเรา ไปอีกที่แห่งหนึ่งที่ท่านสามารถมองเห็นพวกเขา ท่านจะไม่เห็นทุกคน แต่จะเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และจากที่นั่นท่านจงสาปแช่งพวกเขาให้เราด้วย” 14 ดังนั้นบาลาคจึงพาบาลาอัมไปยังทุ่งของโศฟิมที่ยอดภูเขาปิสกาห์ และสร้างแท่นบูชา 7 แท่น ถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น 15 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “จงยืนที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของท่าน ขณะที่ข้าพเจ้าไปพบพระองค์ที่โน่น” 16 พระผู้เป็นเจ้าพบกับบาลาอัม พระองค์บันดาลให้บาลาอัมพร้อมที่จะพูด และกล่าวว่า “จงกลับไปหาบาลาค แล้วเจ้าจงพูดไปตามคำที่เราบอก” 17 เขากลับไปหาบาลาคและพบว่า บาลาคและบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของโมอับยังยืนอยู่ที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย บาลาคถามเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร”

18 แล้วเขาก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า

“บาลาค จงลุกขึ้นและฟังเถิด
    บุตรของศิปโปร์ จงฟังข้าพเจ้าเถิด
19 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ พระองค์ไม่กล่าวเท็จ
    และไม่ใช่บุตรของมนุษย์ พระองค์ไม่เปลี่ยนใจ
เมื่อพระองค์กล่าว แล้วจะไม่กระทำหรือ
    เมื่อพระองค์สัญญา แล้วจะไม่ลุล่วงหรือ
20 ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้อวยพร
    พระองค์อวยพรให้แล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

21 จะไม่มีเรื่องราวร้ายๆ เกิดขึ้นกับยาโคบ
    ไม่มีความทุกข์ปรากฏในอิสราเอล
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาสถิตกับเขา
    ความปิติยินดีของกษัตริย์อยู่ท่ามกลางพวกเขา
22 พระเจ้าพาพวกเขาออกมาจากอียิปต์
    พวกเขามีกำลังดั่งกระทิง
23 ไม่มีเวทมนตร์คาถาสาปแช่งยาโคบ
    ไม่มีการทำนายคัดค้านอิสราเอล
บัดนี้ไป จะมีการกล่าวถึงยาโคบ
    และอิสราเอลว่า ‘ดูเถิดว่า พระเจ้าได้กระทำอะไรบ้าง’
24 ชนชาตินั้นผุดลุกเยี่ยงสิงโตตัวเมีย
    และผงาดขึ้นเยี่ยงสิงโต
ซึ่งจะไม่มีวันหมอบลงพักจนกว่าจะได้ขม้ำเหยื่อ
    และดื่มเลือดของเหยื่อที่ล่าได้เสียก่อน”

25 ครั้นแล้วบาลาคก็ได้พูดกับบาลาอัมว่า “ท่านไม่ต้องสาปแช่งและไม่ต้องอวยพรพวกเขาเลย” 26 บาลาอัมตอบว่า “ข้าพเจ้าได้บอกท่านแล้วมิใช่หรือว่า ข้าพเจ้าต้องกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว” 27 แล้วบาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “มาเถิด ให้เราพาท่านไปอีกที่แห่งหนึ่ง เผื่อว่าพระเจ้าจะโปรดปรานก็ได้ หากว่าท่านสาปแช่งพวกเขาให้เราจากที่นั่น” 28 บาลาคจึงพาบาลาอัมขึ้นไปยังยอดเขาเปโอร์ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เหนือที่ร้างอันแร้นแค้น 29 บาลาอัมพูดว่า “จงสร้างแท่นบูชา 7 แท่นให้ข้าพเจ้าที่นี่ เตรียมโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 7 ตัวให้เรา” 30 บาลาคกระทำตามที่บาลาอัมบอก และถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น

คำพยากรณ์ครั้งที่สามของบาลาอัม

24 ครั้นบาลาอัมเห็นว่าการที่ได้อวยพรอิสราเอลเป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า เขาไม่ได้หันไปพึ่งเวทมนตร์คาถาเหมือนครั้งอื่นๆ แต่กลับหันหน้าไปทางถิ่นทุรกันดาร เมื่อบาลาอัมเงยหน้าขึ้นและเห็นอิสราเอลไปตั้งค่ายตามเผ่าของตน เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณพระเจ้า และเขาก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า

“คำพยากรณ์ของบาลาอัม บุตรเบโอร์
    คำพยากรณ์ของผู้มองเห็นอย่างกระจ่างชัด
คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินคำกล่าวของพระเจ้า
    ผู้เห็นภาพนิมิตจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
    ผู้ล้มลงและก็ยังลืมตา

ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามอะไรเช่นนี้
    อิสราเอลเอ๋ย กระโจมที่ท่านอาศัยอยู่ก็งาม

แผ่กว้างออกดั่งหุบเขา
    ดั่งสวนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
ดั่งต้นกฤษณาที่พระผู้เป็นเจ้าปลูกไว้
    ดั่งต้นซีดาร์ที่อยู่ข้างแหล่งน้ำ
น้ำจะไหลหลั่งจากถังของเขา
    บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาจะมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์

กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก
    อาณาจักรของเขาจะเหนือกว่าของผู้อื่น

พระเจ้าได้นำเขาออกจากอียิปต์
    เขามีพละกำลังดั่งกระทิง
เขากลืนกินบรรดาประชาชาติที่เป็นศัตรู
    และหักกระดูกของเขาได้เป็นท่อนๆ
    ลูกธนูปักลงที่พวกเขา
เขาหมอบและนอนลงเยี่ยงสิงโต
    และสิงโตตัวเมีย ใครเล่าจะกล้ายั่วเย้าให้ผงาดขึ้นอีก

ขอให้บรรดาผู้ที่อวยพรท่านได้รับพระพร
    และบรรดาผู้ที่สาปแช่งท่านถูกสาปแช่งเถิด”

10 บาลาคก็โกรธบาลาอัมมาก ท่านจึงตบมือและพูดกับเขาว่า “เราสั่งให้ท่านสาปแช่งพวกศัตรูของเรา แต่ท่านกลับอวยพรเขาถึง 3 ครั้ง 11 จงรีบหนีกลับไปยังที่ที่ท่านมา เราพูดไว้ว่าเราจะให้ท่านได้รับเกียรติอย่างแน่นอน แต่ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ารั้งท่านไม่ให้ได้รับเกียรติ” 12 บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกบรรดาผู้ส่งข่าวที่ท่านส่งไปหรือว่า 13 ‘ถ้าแม้ว่าบาลาคจะยกบ้านที่เต็มไปด้วยเงินทองให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถขัดต่อคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อทำในสิ่งที่ดีหรือเลวตามความประสงค์ของข้าพเจ้าได้ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร ข้าพเจ้าก็พูดไปตามนั้น’ 14 ดูเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาชนชาติข้าพเจ้า มาเถิด ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านทราบว่าชนชาตินี้จะกระทำอะไรต่อชนชาติของท่านในวันข้างหน้า”

คำพยากรณ์ครั้งที่สี่ของบาลาอัม

15 แล้วเขากล่าวคำพยากรณ์ว่า

“คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์
    คำพยากรณ์ของผู้มองเห็นอย่างกระจ่างชัด
16 คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินคำกล่าวของพระเจ้า
    และได้รับความรู้จากองค์ผู้สูงสุด
ผู้เห็นภาพนิมิตจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
    ผู้ล้มลงและก็ยังลืมตา

17 ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ แต่ไม่ใช่ขณะนี้
    ข้าพเจ้ามองดูพระองค์ แต่ไม่ใช่จากระยะใกล้
ดาวดวงหนึ่งจะบังเกิดขึ้นจากยาโคบ[b]
    และคทาจะลุกขึ้นมาจากอิสราเอล[c]
จะทับที่ขมับของโมอับ
    อีกทั้งหน้าผากของบรรดาบุตรของเชท
18 เอโดมจะตกเป็นของผู้อื่น
    และเสอีร์ ฝ่ายศัตรูก็จะตกเป็นของผู้อื่นเช่นกัน
    ขณะที่อิสราเอลกระทำการด้วยความกล้าหาญ
19 ผู้มาจากยาโคบจะครอบครองอาณาจักร
    และจะกำจัดบรรดาผู้รอดตายของเมืองนั้น”

คำพยากรณ์ครั้งสุดท้ายของบาลาอัม

20 ครั้นแล้วบาลาอัมมองดูอามาเลข และกล่าวคำพยากรณ์ว่า

“อามาเลขเป็นชาติแรกในบรรดาประชาชาติ
    แต่จุดจบคือความหายนะ”

21 แล้วเขามองดูชาวเคน และกล่าวคำพยากรณ์ว่า

“ที่อยู่อาศัยของท่านจะปลอดภัย
    และที่พักพิงของท่านตั้งอยู่ในหิน
22 ถึงกระนั้นคาอินก็จะถูกกำจัดสิ้น
    พวกอัชชูร์จะจับตัวท่านไป”

23 แล้วเขากล่าวคำพยากรณ์ว่า

“โธ่เอ๋ย ใครจะมีชีวิตรอดได้ หากพระเจ้ากระทำเช่นนี้
24     จะมีเรือมาจากฝั่งทะเลคิทธิม
และทำให้อัชชูร์และเอเบอร์ได้รับทุกข์ทรมาน
    และเขาจะประสบกับความหายนะ”

25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นกลับบ้านไป บาลาคเองก็ไปตามทางของตน

Footnotes

  1. 23:7 อารัม คือประเทศซีเรียในปัจจุบัน
  2. 24:17 มัทธิว 2:2
  3. 24:17 ปฐมกาล 49:10